ในฐานะผู้นำในการให้บริการครบวงจรด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม และการให้บริการสาธารณูปโภคของประเทศไทย ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม ผ่านการประยุกต์ใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการให้บริการที่ครบวงจร สามารถตอบสนองต่อความต้องการลูกค้า พร้อมต่อยอดการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ โดยดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้เล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจการจัดเก็บทรัพย์สินส่วนบุคคล (Self-Storage) ที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันผู้ที่อาศัยและทำงานอยู่ในเมืองมักประสบปัญหาในการจัดการพื้นที่เก็บของ ดังนั้น ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป จึงมองเห็นโอกาสการเติบโตในธุรกิจการให้บริการจัดเก็บทรัพย์สินระดับพรีเมียม และได้มีการตัดสินใจลงทุนในบริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของไทยในธุรกิจดังกล่าว
โดยบริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 เพื่อดำเนินธุรกิจการให้บริการให้เช่าพื้นที่จัดเก็บทรัพย์สินส่วนบุคคล ภายใต้แบรนด์ "i-Store Self Storage" ที่ให้บริการด้านการจัดเก็บ และปกป้องดูแลทรัพย์สินของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับลูกค้าทั้งรายบุคคล และองค์กรที่กำลังมองหาพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการจัดเก็บทรัพย์สินมีค่า ทั้งนี้ ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการสามารถเลือกขนาดพื้นที่การจัดเก็บได้ตามความต้องการและความหมาะสม โดยปัจจุบัน สตอเรจ เอเชีย มีให้บริการทั้งสิ้น 2 สาขา ได้แก่ สีลม และสุขุมวิท 24 และในไตรมาส 1 ปี 2565 จะมีการเปิด 2 สาขาใหม่ที่สุขุมวิท 71 และพัทยา รวมถึงยังมีแผนการขยายสาขาทั่วประเทศต่อไปในอนาคต โดยความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป และสตอเรจ เอเชียครั้งนี้ เป็นไปเพื่อการพัฒนาและสร้างสรรค์บริการต่างๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า เพื่อสนองต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละรายให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการร่วมมือกับพันธมิตรใหม่อย่างสตอเรจ เอเชีย โดยเราจะนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ รวมทั้งความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ต่างๆ ที่เรามีมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจการให้บริการพื้นที่จัดเก็บทรัพย์สินส่วนบุคคลที่เราได้เข้าลงทุนครั้งนี้ให้มีประสิทธิภาพและครบวงจรยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกับพันธมิตรเพื่อรองรับความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้า ผู้บริโภค และพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังถือเป็นการต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์จากธุรกิจเดิมของเราเพื่อให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น ตลอดจนผนึกกำลังเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม และนำเสนอบริการที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม โดยในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อขยายธุรกิจ และส่งเสริมศักยภาพและการเติบโตของประเทศและภูมิภาคอย่างยั่งยืน"
นายภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด กล่าวว่า "การได้ร่วมมือกับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ที่เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในการให้บริการครบวงจรด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม และการให้บริการสาธารณูปโภคของประเทศไทยมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจครั้งสำคัญของสตอเรจ เอเชีย ทำให้เราสามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น พร้อมต่อการเติบโตและสามารถสร้างสรรค์พัฒนาบริการใหม่ๆให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ร่วมกับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป"
เกี่ยวกับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป) ผู้นำอันดับหนึ่งในการให้บริการโซลูชั่นครบวงจรด้าน โลจิสติกส์และนิคมอุตสาหกรรมของไทย โดยธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัล แพลตฟอร์ม ด้วยบริการโซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับลูกค้า ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม ดังนี้
- กลุ่มธุรกิจพัฒนาโลจิสติกส์ มุ่งให้บริการศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า และโรงงาน Built-to-Suit แบบพรีเมียมที่ได้มาตรฐานระดับโลกแก่ลูกค้า โดยบริษัทฯ เป็นผู้ริเริ่มแนวคิดการสร้างอาคารโรงงาน และคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit มาตั้งแต่ปี 2546 ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานแบบ Built-to-Suit รวมทั้งสิ้นกว่า 2,490,000 ตารางเมตร บนทำเลที่ตั้งในจุดยุทธศาสตร์กว่า 41 แห่งทั่วประเทศ
- กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ในฐานะผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมคุณภาพระดับโลก ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ มีทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค คลัสเตอร์อุตสาหกรรม ได้แก่ คลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์ คลัสเตอร์อุตสาหกรรมปิโตรเคมี รวมถึงบริการอุตสาหกรรมต่างๆ ที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีนิคมอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 12+ แห่งบนพื้นที่กว่า 72,500 ไร่ โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทยที่จังหวัดระยอง ชลบุรีและสระบุรี ในปี 2561 คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้นิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ 9 แห่งเป็นพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) สอดคล้องกับพันธกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปในการมุ่งมั่นส่งเสริมการพัฒนา 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) ของประเทศด้วย รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน - เหงะอาน ในประเทศเวียดนามอีกหนึ่งแห่ง
- กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและไฟฟ้า ในฐานะผู้ให้บริการด้านระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงการร่วมลงทุนด้านไฟฟ้ากับผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าชั้นนำของโลก ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป จึงสามารถสร้างความมั่นใจในการให้บริการด้านสาธารณูปโภคแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ในเครือดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตน้ำรวมเป็นประมาณ 150 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ณ สิ้นปี 2564 และปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของโรงไฟฟ้าที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์รวม 596 เมกะวัตต์
- กลุ่มธุรกิจดิจิทัล บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด ในเครือดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีบริการดาต้าโซลูชั่น และดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างครบครัน โดยมีบริการดาต้าเซ็นเตอร์ 4 แห่ง บริการไฟเบอร์ออพติก (FTTx) ครอบคลุมนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ 10 แห่ง และได้เข้าถือหุ้นในเข้าถือหุ้นในบริษัท Supernap Thailand ตลอดจนมีการลงทุนด้านดิจิตอลอินฟราสตรักเจอร์ เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจเชิงอัจฉริยะของลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์