ซีพี จัดธุรกิจพร้อมรับโลกยุคหลังโควิด - เน้นความร่วมมือและขยายธุรกิจในต่างประเทศ

พุธ ๒๕ สิงหาคม ๒๐๒๑ ๐๙:๔๖
วันนี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ประกาศกลยุทธ์ธุรกิจเตรียมพร้อมสำหรับโลกหลังวิกฤตการระบาดของโควิด-19 โดยในฐานะเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่มีความหลากหลายทางธุรกิจมากที่สุดในประเทศไทย และมีพนักงานมากกว่า 400,000 คน เครือซีพีจะเร่งขยายธุรกิจในต่างประเทศและจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการและธุรกิจอื่นๆ ในประเทศไทย

นายศุภชัย กล่าวว่า "การระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ได้ทำให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบเสียหายอย่างรุนแรงต่อธุรกิจ SME ในประเทศไทย และในขณะเดียวกัน ก็สร้างผลกระทบอีกด้านหนึ่งด้วย กล่าวคือ ทำให้เกิด 'บริษัทยักษ์ใหญ่' ในระดับนานาชาติจำนวนมาก ที่ปัจจุบันกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าทางธุรกิจมากกว่า GDP ของหลายประเทศในโลก"

นายศุภชัยกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั้งสองด้าน "ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีระดับโลก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ จากการที่ SME ไทยอ่อนแอลง"

นายศุภชัยกล่าวว่า เครือซีพีจะขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปข้างหน้าด้วย 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ "หนึ่ง-เร่งเครื่องการลงทุน, สอง-เร่งเครื่องการเดินหน้าบนเวทีโลก, สาม-ลดความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจของเครือเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจ และสี่-สร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจเพื่อขยายความร่วมมือกับธุรกิจ ผู้ประกอบการอื่นๆ ของไทย รวมถึงเกษตรกรจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดต่างประเทศ"

"ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนแบบนี้ เราจะต้องไม่ชะลอการลงทุนของเรา ในทางกลับกัน เราจะต้องเร่งแผนการลงทุนของธุรกิจต่างๆ ในเครือ โดยเดินหน้าลงทุนในโครงการใหม่ๆ และรวมถึงโครงการที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดการสร้างงานและสร้างธุรกิจค้าขายดีลใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ SME และเกษตรกรเล็กๆ รวมจำนวนมากกว่า 1.2 ล้านราย ที่เรามีความร่วมมือทางธุรกิจกันอยู่แล้วทั้งทางตรงและทางอ้อม"

"เงินใช้จ่ายต่างๆ ของธุรกิจต่างๆ ในเครือซีพีน่าจะกระจายต่อไปสู่หลากหลายชุมชนและหลากหลายธุรกิจ ทุกขนาด นอกจากนั้นยังมีเงินจำนวนอีกเกือบ 2 พันล้านบาทที่เครือซีพีได้บริจาคเพื่อการช่วยเหลือต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโควิด-19 " นายศุภชัยกล่าว

เช่นเดียวกันกับการลงทุนในต่างประเทศที่เครือซีพีกำลังเร่งเครื่อง โดยนายศุภชัยคาดการณ์ว่า "การริเริ่มโปรเจ็คใหญ่ๆ หลายอย่างที่กำลังมีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วในปีนี้จะสามารถช่วยเพิ่มตัวตนและสถานภาพที่แข็งแกร่งของธุรกิจไทยในตลาดต่างประเทศได้"

เครือเจริญโภคภัณฑ์มี 14 กลุ่มธุรกิจ ซึ่งนายศุภชัย กล่าวว่าจะมีการปรับลดความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ด้วยเช่นกัน

"เราต้องการช่วยทำให้บริษัทในเครือซีพี สามารถตัดสินใจต่างๆ ระหว่างบริษัทได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เป็นการทำงานในยุคของโลกที่ความเร็วเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จของธุรกิจ"

นายศุภชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับโลกหลังวิกฤติโควิด-19 ของธุรกิจในเครือซีพี คือ การก้าวไปข้างหน้าให้ได้ไกลกว่าการเป็นเพียงผู้ผลิตสินค้าและการบริการเท่านั้น โดยเครือซีพีจะเดินหน้าสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่ส่งเสริม SME และผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ ในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมกับเปิดประตูไปสู่โอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศไทยและระดับโลก

นายศุภชัยกล่าวว่า ส่วนหนึ่งของโครงการที่เครือซีพี เรียกว่า "แพลตฟอร์มแห่งโอกาส" นั้น เรากำลังพัฒนาระบบที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการและธุรกิจอื่นๆ ของประเทศไทย รวมถึงเกษตรกรจำนวนมากสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้โดยผ่านการทำงานร่วมกันกับบริษัทในเครือซีพี

"เมื่อบริษัทใดก็ตามในเครือซีพี ประสบความสำเร็จอย่างแข็งแรงในตลาดต่างประเทศได้แล้ว จะช่วยให้กลุ่ม SME ไทยอีกนับสิบ นับร้อย หรือนับพัน ตลอดจนเกษตรกรและผู้ผลิตต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศเหล่านั้นได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วธุรกิจ SME จะมีข้อจำกัดหรือไม่สามารถรับความเสี่ยงและความยากลำบากในการพยายามตั้งหลักในตลาดต่างประเทศได้ และบ่อยครั้งที่ธุรกิจเหล่านั้นไม่สามารถรับมือกับความท้าทายจากเครือข่ายธุรกิจในประเทศต่างๆ ได้ ดังนั้นหากเครือซีพีสามารถเป็นแพลตฟอร์มที่สนับสนุนและร่วมมือทางธุรกิจกับ SME ไทยต่างๆ ได้ เราจะสามารถมีส่วนช่วย SME เหล่านั้น เพิ่มศักยภาพ และช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าถึงตลาดที่ปกติแล้วจะมีแต่บริษัทใหญ่ๆ ที่สุดของไทยเท่านั้นที่จะสามารถเข้าได้ เป็นการปลดล็อคศักยภาพทางเศรษฐกิจใหม่อย่างมหาศาล ซึ่งจะช่วยนำความรุ่งเรืองมาสู่คนนับล้าน และในขณะเดียวกันก็เป็นการตอกย้ำเส้นทางการดำเนินธุรกิจของเครือซีพีในระดับสากล ผ่านแนวคิดแบบ Win-Win"

นายศุภชัย กล่าวว่า แนวทางของโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า 'แพลตฟอร์มแห่งโอกาส' นี้ เป็นแนวทางหนึ่งที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของประเทศไทย ในโลกยุคใหม่หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะ "เป็นการรวมพลังและระดมศักยภาพของ SME หลายหมื่นรายและวิสาหกิจไทยอื่นๆ ออกไปสู้บนเวทีระดับโลก"

"บริษัทไทยต้องร่วมมือกันให้ได้มากที่สุดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อสร้างพลังร่วมกัน ส่งเสริมความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีเศรษฐกิจโลกต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกับที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกในสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ที่สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศบ้านเกิด และบริษัทในประเทศของตัวเอง ไปพร้อมกับการสร้างคุณค่าให้กับประเทศที่ธุรกิจต่างๆ เหล่านั้นเข้าไปดำเนินธุรกิจ และเราก็ควรทำเช่นเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องตามหลักการ '3 ประโยชน์' ของเครือซีพี กล่าวคือ อันดับแรกคำนึงถึงการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ และตามมาด้วยการสร้างประโยชน์ให้กับสังคม และสร้างประโยชน์ให้กับบริษัท" นายศุภชัยกล่าว

ที่มา: ซีพี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO