นายปัญญวัฒน์ โพธิ์ศรีทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิน อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด สตาร์ทอัพน้องใหม่ในธุรกิจประกันภายใต้แบรนด์ 'FIN Broker' เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นก้าวสู่การเป็นสตาร์ทอัพระดับ ยูนิคอร์นของประเทศไทย จากการเป็นผู้ให้บริการธุรกิจประกันแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรในรูปแบบ B2B ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งประกันวินาศภัยและประกันชีวิต ภายใต้แนวคิด "ดี เร็ว ผลตอบแทนสูง" ให้กับนายหน้าประกัน ล่าสุด บริษัทฯ เปิดตัวแพลตฟอร์มดิจิทัลประกันชีวิต (Face to Face) หรือ การซื้อประกันภัยชีวิตผ่านช่องทางระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงานของหน้าประกันชีวิตให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างกว้างขวางและสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น และตอกย้ำบริษัทฯ ในด้านผู้นำการให้บริการธุรกิจประกันแพลตฟอร์มที่ทันสมัยและก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงโลกดิจิทัลและตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าในยุค New Normal
ทั้งนี้ แพลตฟอร์มดิจิทัลประกันชีวิต FIN Broker ได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของนายหน้าประกันกับลูกค้า ให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วสำหรับการซื้อและขายประกัน โดยจะมีระบบบันทึกภาพหรือเสียงระหว่างนายหน้าประกันชีวิตและลูกค้าพร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลการเสนอขาย ที่ต้องมีการยืนยันเอกสารรายละเอียดข้อมูลผ่านช่องทางอีเมลล์ แอปพลิเคชั่น และเอสเอ็มเอสไว้อย่างครบครัน ซึ่งตอบโจทย์ทุกความต้องการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมแบบ End to End Service
"เราเป็นสตาร์ทอัพในธุรกิจประกันที่มีผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยและประกันชีวิตแบบครบวงจรที่นำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มนายหน้าประกัน (Broker Tech) เพิ่มโอกาสการขาย และสร้างรายได้ที่มากขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของนายหน้าประกันทุกราย และผลักดันให้ FIN Broker เป็นแพลตฟอร์มประกันชั้นนำของประเทศ เป็นหนึ่งเดียวในใจของนายหน้าประกันทั่วประเทศ" นายปัญญวัฒน์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FIN Broker กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตไทยนับว่ามีศักยภาพเติบโตอีกมาก หลังการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อประกันชีวิต เพื่อคุ้มครองการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของตัวแทนนายหน้าประกันชีวิตที่ต้องการเติบโตไปพร้อมกับ FIN Broker ที่ทำให้การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ โดยบริษัทฯ พร้อมนำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มใหม่และฟีเจอร์อื่นๆ มาขับเคลื่อนธุรกิจประกันอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนระบบหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เพื่อมุ่งตอบโจทย์ทั้งความสะดวกรวดเร็ว มีความปลอดภัย โปร่งใส การใช้งานที่ง่าย ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานให้กับนายหน้าประกันและให้บริการลูกค้าที่ซื้อประกันได้รับประโยชน์สูงสุด
สำหรับผลดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.64) ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีเบี้ยประกันรถยนต์อยู่ที่ 350 ล้านบาทและมีฐานสมาชิกมากกว่า 37,000 คน ซึ่งมีปัจจัยจากธุรกิจที่โดดเด่น และแตกต่างทางด้านแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ใช้ทักษะของคนรุ่นใหม่ (Upskill) เข้ามาช่วยพัฒนาเทคโนโลยีแพลตฟอร์มและช่วยแก้ปัญหาให้กับนายหน้าประกันตอบโจทย์ทุกกลุ่ม (Pain point) โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าแผนกลยุทธ์ที่วางไว้จะช่วยผลักดันการเติบโตของยอดเบี้ยประกันทั้งปีเพิ่มเป็น 700 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาทในปีถัดไป โดยเป็นเบี้ยประกันชีวิตอยู่ที่ 300 ล้านบาท
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย