เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล โชว์พฤติกรรมนักช้อปยุค COVID-19 ทุบสถิติชำระค่าสินค้าแบบไม่ใช้เงินสดมีสัดส่วนกว่า 60% ของยอดชำระค่าสินค้า

พฤหัส ๐๙ กันยายน ๒๐๒๑ ๑๒:๐๑
เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ผู้บริหารท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ทในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยนักช้อปยุคโควิด-19 ปรับพฤติกรรมใช้ชีวิตวิถีใหม่ หลีกเลี่ยงการใช้เงินสด เข้าสู่ระบบการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค ส่งผลยอดชำระค่าสินค้าแบบไม่ใช้เงินสดผ่าน e-Payment โตก้าวกระโดด คิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของยอดการชำระค่าสินค้า

นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า "จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภค ที่เรียกว่า Touchless Society คือ ไม่สัมผัสกับของใช้สาธารณะ สิ่งของต่าง ๆ ชำระค่าสินค้าแบบไร้การสัมผัส ซึ่งพบว่า e-Payments ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินสดของผู้บริโภค จากข้อมูลธนาคารแห่งประไทยแม้คนไทยยังนิยมใช้เงินสด แต่การใช้ e-Payment มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นและเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในปี 2563 สถิติเฉลี่ยแล้ว คนไทยใช้ e-Payment มากถึง 151 ครั้งต่อคนต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากปี 2559 ทั้งนี้หนึ่งในปัจจัยหลักที่เป็นตัวเร่งมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ผู้คนเลี่ยงการสัมผัส ลดการใช้เงินสด เปลี่ยนพฤติกรรมในการชำระค่าสินค้า จนเป็นเทรนด์ใหม่ของผู้บริโภคเข้าสู่ระบบการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment)

จากสถิติดังกล่าว บริษัทฯ เล็งเห็นและคาดการณ์เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ที่ไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่เป็นเทรนด์ของทั่วโลก จึงได้มีการเก็บข้อมูลการชำระค่าสินค้าผ่าน e-Payment ของลูกค้าท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท พบว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ปี 2562 ก่อนการระบาดโควิด จนถึงปัจจุบันในปี 2564 เมื่อพิจารณาสัดส่วนการชำระค่าสินค้าพบว่า ลูกค้าเลือกชำระผ่าน e-Payment สูงถึง 60% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีการใช้จ่ายผ่าน e-Payment 50 % จากสัดส่วนการชำระค่าสินค้าโดยไม่ใช้เงินสดที่เติบโตมากขึ้น ชี้ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากระบบชำระเงินที่ใช้เงินสดเป็นหลักไปสู่การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต แอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพราะเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ได้รับมากกว่าการใช้เงินสด เช่น การชำระผ่านแอปพลิเคชั่น Dolfin ที่มีส่วนลดพิเศษ, รับ Cash Back เมื่อชำระด้วยบัตรเครดิตต่าง ๆ การสะสมคะแนน รวมถึงการชำระด้วย e-Gift Card หรือโปรโมชั่นอื่น ๆ เฉพาะสมาชิกบัตรเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังพบสถิติที่น่าสนใจเพิ่มเติม ได้แก่ ลูกค้าท็อปส์ที่ใช้ e-Payment มากที่สุดอยู่ในกลุ่มอายุ 35-44 ปี รองลงมาคือ อายุ 45-54 ปี และ 25-34 ปีตามลำดับ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ ถือเป็นลูกค้าหลักของการใช้จ่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่แล้ว จากข้อมูลสะท้อนให้เห็นว่า การใช้ e-Payment นั้นครอบคลุม ทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 45-54 ปี ที่เริ่มคุ้นเคยกับการใช้จ่ายโดยไม่ใช้เงินสดมากขึ้น ปัจจุบัน "ท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท" รองรับการชำระเงินผ่าน e-Payment หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น QR Payment ผ่าน Mobile Banking และพร้อมเพย์, RFID Ship Card, e-Wallet ต่างๆ อาทิ Dolfin, Rabbit LINE Pay, Alipay, WeChat Pay รวมไปถึงการชำระเงินผ่านมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญและมองหาสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่าถึงทุกการใช้จ่าย ยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่น ชำระค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่น Dolfin ครบ 800 บาท รับคูปองส่วนลดทันที 50 บาท ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน 2564 หรือ สมาชิกเดอะวัน เพียงมียอดซื้อสินค้าครบ 800 - 1,499 บาทต่อใบเสร็จ และเลือกชำระผ่าน e-Payment รับคูปองส่วนลด 100 บาทสำหรับการซื้อสินค้าในครั้งถัดไป นอกจากนั้นระบบการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (ContactlessPayment) จะเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องเพราะผู้บริโภคเกิดความคุ้นเคย ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น"

นายสเตฟาน กล่าวเพิ่มเติมถึงการคาดการณ์เทรนด์ในอนาคตของธุรกิจค้าปลีกหลังสถานการณ์ โควิด-19 ว่า "ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป Touchless Society จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ ทั้งระบบ Online Business และ Financial Business โดยสัดส่วนของการใช้ e-Payment จะเพิ่มเป็นร้อยละ 80 แอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนจะเข้ามามีบทบาทแทน Credit card และ Physical card โดยผู้บริโภคเกือบทั้งหมดจะหันมาใช้ e-Wallet หรือ e-Payment แทน ซึ่งสะดวกและปลอดภัยมากกว่าเดิม ใบเสร็จรับเงินจะถูกส่งให้ลูกค้าโดยตรงผ่านโทรศัพท์มือถือแทนการออกใบเสร็จฯ ที่เป็นกระดาษ รวมไปถึงคูปองส่วนลดต่างๆ และในอนาคต ลูกค้าสามารถใช้โทรศัพท์มือถือสแกนบาร์โค้ดบนผลิตภัณฑ์ได้เอง แล้วจึงนำมารวมยอดชำระที่เคาน์เตอร์ ผ่านระบบ e-Payment ซึ่งระบบนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวเพื่อชำระเงินค่าสินค้า ซึ่งท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและการบริการอยู่เสมอ ให้สามารถตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันรวมไปถึงอนาคต เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดและรักษาไว้ซึ่งการเป็นผู้นำซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th , เฟซบุ๊ก TopsThailand หรือ แอปพลิเคชั่นไลน์ @TopsThailand

ที่มา: ฟีนอมมีนอล พีอาร์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ