ผลสำรวจจาก FICO เผยคนไทย 1 ใน 2 จะเลิกสมัครใช้บัญชีธนาคารออนไลน์หากขั้นตอนเยอะเกินไป

อังคาร ๑๔ กันยายน ๒๐๒๑ ๐๘:๑๐
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังขับเคลื่อนวิธีคิดที่มุ่งเน้นดิจิทัลเป็นหลักในเรื่องบริการทางการเงิน
  • ไทย 1 ใน 2 คาดหวัง ที่จะต้องตอบคำถามไม่เกิน 10 ข้อ มิเช่นนั้นจะเลิกสมัคร
  • ผู้บริโภค 66% มีแนวโน้มเปิดบัญชีทางระบบดิจิทัลมากกว่าปีที่ผ่านมา
  • คนไทย 25% เปิดเผยว่า สถาบันการเงินถามคำถามมากเกินไป

ผลสำรวจธนาคารดิจิทัลประจำปี 2564 ของ FICO แสดงให้เห็นว่า ชาวไทยคาดหวัง ที่จะได้รับประสบการณ์ใช้บริการทางธนาคารที่ราบรื่นเมื่อเปิดบัญชีธนาคารผ่านแอปมือถือหรือเว็บไซต์ โดยคนไทย 1 ใน 2 คาดหวัง ที่จะต้องตอบคำถามไม่เกิน 10 ข้อ มิเช่นนั้นจะเลิกสมัครไปเลย ขณะที่คนไทย 1 ใน 5 จะเลิกสมัครหากต้องตอบคำถามเกิน 5 ข้อ

"การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังขับเคลื่อนวิธีคิดที่มุ่งเน้นดิจิทัลเป็นหลักในไทย โดยผู้บริโภค 66% มีแนวโน้มเปิดบัญชีทางระบบดิจิทัลมากกว่าปีที่ผ่านมา" คุณ Aashish Sharma ผู้อำนวยการบริหารระดับอาวุโสด้านโซลูชันการตัดสินใจ ของ FICO ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว "จำนวนผู้บริโภคที่ต้องการเปิดบัญชีธนาคารทางดิจิทัลนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 44% และยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งมีนัยสำคัญอย่างยิ่งในประเทศที่นิยมใช้บริการที่สาขาเป็นส่วนใหญ่"

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.fico.com/en/solutions/account-opening  

เปลี่ยนอุปสรรคเป็นพลังกระตุ้น

ผลสำรวจพบว่า ความอดทนของผู้บริโภคในการสมัครบัญชีนั้นแตกต่างกันตามลักษณะของผลิตภัณฑ์ คนไทยมีความคาดหวังมากที่สุดในการสมัครบัญชีให้สำเร็จโดยตอบคำถามไม่เกิน 10 ข้อสำหรับบัญชีเงินฝาก (62%) บัญชีรองรับการทำธุรกรรม (58%) และผลิตภัณฑ์ Buy Now Pay Later (55%)

สิ่งที่น่าสนใจคือความคาดหวังที่ว่านี้สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในการสำรวจอย่างมีนัยสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรเพียง 41% และผู้บริโภคชาวออสเตรเลียเพียง 51% หวังที่จะต้องตอบคำถามไม่เกิน 10 ข้อเมื่อเปิดบัญชีซื้อขาย

ในภาพรวมนั้น ผู้บริโภคชาวไทยต้องการประสบการณ์ดิจิทัลที่ลดอุปสรรคและความไม่สะดวกสบาย พวกเขาคาดหวังว่าธนาคารที่ใช้บริการเป็นประจำต้องรู้จักพวกเขาอยู่แล้ว โดย 85% ต้องการพิสูจน์อัตลักษณ์ของตนเองทางระบบออนไลน์ และคนไทย 25% เปิดเผยว่าสถาบันการเงินถามคำถามมากเกินไป

"อย่างที่เขาพูดกันว่า ที่ใดมีอุปสรรค ที่นั่นย่อมมีโอกาส" คุณ Sharma กล่าว "ถ้าวันนี้คุณไม่ได้แก้ไขปัญหาให้ลูกค้า วันพรุ่งนี้คู่แข่งก็จะทำ ผู้บริโภคต้องการให้ธนาคารใช้เทคโนโลยีหาคำตอบให้กับคำถามในการสมัครใช้งานผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น การปรับปรุงกลไกตรวจสอบอัตลักษณ์ การวิเคราะห์ประวัติการทำธุรกรรม ฐานข้อมูลบริการธนาคารและฐานข้อมูลรัฐบาลแบบเปิด"

การสมัครสินเชื่อจำนองควรตรวจสอบให้ละเอียดกว่าเดิม

ผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคยอมให้มีอุปสรรคและความปลอดภัยมากขึ้น ในการสมัครและให้ข้อมูลต่าง ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์การเงินที่มี มูลค่าสูงบางประเภท

แม้ผู้บริโภคคาดหวัง ให้การสมัครใช้งานผลิตภัณฑ์ทางการเงินออนไลน์ในแต่ละวันต้องมีความสะดวกง่ายดายให้มาก ๆ เข้าไว้ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีกระแสรายวัน บัญชีเงินฝาก เงินกู้ และบัตรเครดิต แต่ลูกค้ากว่าครึ่งหนึ่ง (61%) ในการสำรวจ คาดหวังว่าการสมัครสินเชื่อจำนองควรจะมีการตรวจสอบเข้มงวดยิ่งขึ้น

ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่ามีคนไทยเพียง 27% ที่ยินดีสมัครสินเชื่อจำนองทางออนไลน์ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในการสำรวจที่ราว 1 ใน 3 (34%) โดยทุกประเทศยกเว้นสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร การสมัครใช้บริการในสาขาเป็นที่นิยมมากกว่าออนไลน์ ขณะที่แอฟริกาใต้นั้นแตกต่างจากประเทศอื่น เนื่องจากมีลูกค้านิยมสมัครสินเชื่อจำนองออนไลน์ถึง 43%

คนไทยเกือบ 1 ใน 2 (48%) ในการสำรวจ ยินดีตอบคำถาม 11-20 ข้อหรือมากกว่านั้นในการสมัครสินเชื่อทางออนไลน์

อย่าเปลี่ยนช่องทาง

คนไทยที่เปิดบัญชีออนไลน์ต้องการดำเนินขั้นตอนอื่น ๆ ทั้งหมดในช่องทางที่เลือกไว้ ไม่ว่าจะผ่านสมาร์ทโฟนหรือเว็บไซต์ หากลูกค้าต้องเปลี่ยนช่องทางเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ของตนเอง ลูกค้าหลายคนจะเลิกสมัคร ไม่ว่าจะเลิกสมัครเปิดบัญชีไปเลยหรือไม่ก็ไปสมัครกับคู่แข่งแทน ส่วนในจำนวนลูกค้าที่ไม่ได้เลิกสมัครทันทีนั้น ลูกค้าอีก 20% จะยืดเวลาดำเนินการออกไป

ผลสำรวจพบว่าอุปสรรคทุกรูปแบบมีความสำคัญ การขอให้ผู้ใช้สแกนและส่งเอกสารทางอีเมล หรือใช้ช่องทางอื่นในการพิสูจน์ตัวตนนั้น ส่งผลให้ผู้บริโภคเลิกสมัครใช้บริการได้แทบจะพอ ๆ กับขอให้ไปที่สาขาหรือส่งเอกสารทางไปรษณีย์

แบบสำรวจนี้จัดทำขึ้นเมื่อเดือนมกราคม 2564 โดยบริษัทวิจัยอิสระรายหนึ่งและยึดตามมาตรฐานวงการวิจัย จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใหญ่ชาวไทย 1,000 คน รวมถึงผู้บริโภค 13,000 รายในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม บราซิล โคลอมเบีย และเม็กซิโก

FICO เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Fair Isaac Corporation ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1623956/TH_infographic.jpg

โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/450763/FICO_Logo.jpg



ที่มา:  พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๔ EXIM BANK ร่วมประชุมประจำปีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าในเอเชีย ครั้งที่ 29 สานพลังองค์กรพันธมิตรส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ
๑๐:๔๐ GUNKUL ท็อปฟอร์ม! เสิร์ฟกำไรQ3/67 โตทะยาน 12.17% มั่นใจอนาคตธุรกิจแข็งแกร่ง อานิสงส์แผน PDPหนุน เดินหน้าลุยโครงการพลังงานทดแทนต่างประเทศต่อยอดธุรกิจติดปีก
๑๐:๐๖ AIS โชว์ศักยภาพความเชื่อมั่นนักลงทุน ประสบความสำเร็จการขายหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท
๑๐:๓๔ เปิดตัว สี่หยางหยาง-เล่อหรงหรง คู่หูมาสคอตสุดคิ้วท์ประจำการแข่งขันกีฬาแห่งชาติจีน ครั้งที่ 15
๑๐:๕๑ คาด ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพ-ปริมณฑล ปี 67 ลบ 10%-40%(YoY)
๑๐:๐๐ โรงแรมแคนทารี บ้านฉาง สนับสนุนรางวัลการจัดงานวิ่ง ระยอง แฟนซีรัน
๑๐:๕๗ แคนนอนบุกตลาดงานบรอดคาสต์และโปรดักชันระดับมืออาชีพ ยกทัพกลุ่มผลิตภัณฑ์ Professional VDO Broadcasting พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ กล้องถ่ายภาพยนตร์ EOS C400 และ EOS
๐๙:๐๐ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ร่วมกับ เชลล์ชวนชิม สานต่อเทศกาลอาหารสุดยิ่งใหญ่ จัด IMPACT X เชลล์ชวนชิม 2 ยกขบวนกว่า 60 ร้านดังทั่วประเทศ ปรุงเมนูเด็ด ณ ลานหน้าอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เริ่มวันที่ 29
๑๐:๐๘ PRINC เทิร์นอะราวน์ รายได้ Q3/67 ทะลุ 1,600 ล้าน ผลจากผู้ป่วยโตทุกกลุ่ม - ทุกรพ. กำไรพุ่ง 748 ล้าน หลังรับรู้กำไรขายอสังหาฯ
๑๐:๐๕ 15-17 พ.ย. นี้ เตรียมพบกับมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการอุตสาหกรรมเกมไทย ในงาน Thailand Game Festival 2024