นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และผู้ให้บริการด้านงานวิศวกรรมแบบครบวงจร ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตามวิสัยทัศน์ในการเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำ ที่ส่งมอบคุณค่าจากพลังงานหมุนเวียน สู่สังคมโลก เพื่อความยั่งยืน เปิดเผยว่า บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท ศแบง คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ศแบง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) การออกแบบและติดตั้ง (EPC) ในโครงการผลิตเชื้อเพลิง Bio Fusion ร่วมกับ บริษัท พรีเมี่ยม เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 4 โครงการ มูลค่างานรวมทั้งสิ้น 528 ล้านบาท ซึ่งเป็นความร่วมมือกันในการพัฒนาโครงการออกแบบ ก่อสร้าง และทดสอบเดินเครื่อง ระบบผลิตเชื้อเพลิง Bio fusion
โดยปัจจุบัน ได้ลงนามเป็นสัญญา EPC แล้วจำนวน 1 โครงการ คาดว่าจะสามารถติดตั้งและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในต้นปี 2565 นับจากลงนามสัญญาซื้อขายเครื่องจักรและสัญญาออกแบบ ติดตั้ง ทดสอบเดินเครื่อง และรับมอบพื้นที่ของโครงการ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีความร่วมมือในด้านอื่นๆ ทยอยออกมาเพิ่มเติมอีกด้วย
"การลงนาม MOU ครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มโอกาสเข้ารับงานการออกแบบและติดตั้งในโครงการผลิตเชื้อเพลิง Bio Fusion จากการที่ CV ทำธุรกิจให้บริการด้าน EPC แบบครบวงจรนับตั้งแต่การออกแบบก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนถึงงานเดินเครื่องและบำรุงรักษา ผ่านทีมงานที่มีประสบการณ์ยาวนาน ทำให้สามารถแข่งขันด้านต้นทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน CV จึงมีศักยภาพในการเข้าร่วมประมูลโครงการอีกมาก เพื่อคว้าโอกาสการรับงานซึ่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว" นายเศรษฐศิริ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการพัฒนาผลการดำเนินงานให้สามารถเติบโตอย่างโดดเด่น ผ่านการพัฒนาและลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าและโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียนต่างๆ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อตัดสินใจเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็น โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล โครงการระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) โครงการโรงพลังงานแสงอาทิตย์ประเภทติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) และโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเชื้อเพลิง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงลงทุนในกิจการด้านงานวิศวกรรม ที่กลุ่มบริษัทฯ เห็นประโยชน์ในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต ทั้งรูปแบบเป็นผู้พัฒนาโครงการเอง หรือเข้าซื้อกิจการ หรือเป็นการเข้าลงทุนทั้งหมด หรือการร่วมลงทุนบางส่วน โดยเกณฑ์พิจารณารูปแบบการลงทุนนั้นจะมองถึงโอกาสทางธุรกิจ อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ฐานะทางการเงินและสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นประกอบการพิจารณาเข้าลงทุนในแต่ละโครงการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ เป็นสำคัญ
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย