ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยมีอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย ด้วยวัยที่มากขึ้น ร่างกายก็ยิ่งเสื่อมลง หากไม่ดูแลปัญหาต่างๆก็จะตามมาโดยเฉพาะโรคข้อเข้าเสื่อมที่พบมากในผู้สูงอายุ จากข้อมูลสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2562 พบโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้ชาย 5.80% จากผู้ป่วยสูงอายุชาย จำนวน 5.1 ล้านคน และในผู้หญิงสูงถึง 12.67 % จากผู้ป่วยหญิงสูงอายุ จำนวน 6.4 ล้านคน1
ยิ่งการมาของไวรัสโควิด-19ทำให้การดำเนินชีวิตของคนทั้งโลกเปลี่ยนไป หลายกิจกรรมถูกจำกัดขอบเขต ส่งผลให้ผู้ป่วยข้อมีภาวะรุนแรงขึ้น จากผลสำรวจออนไลน์ของ ELMA Research for Viatris พบว่าผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมในไทยมีอาการรุนแรงขึ้นจากภาวะปกติที่ 37% สูงขึ้นเป็น60% ในช่วงมาตรการโควิด และร้อยละ 48 และ 50 จัดการโรคได้ลำบากขึ้นในมุมมองทางด้านอารมณ์ และกายภาพตามลำดับ สาเหตุมาจากการออกกำลังกาย และควบคุมน้ำหนักถูกจำกัดกรอบ2 ซึ่งถ้าหากปล่อยให้อาการของพวกเขารุนแรง โดยไม่รู้วิธีการจัดการ อาจทำให้ข้อเข่าบิดผิดรูปจนกลับมาเดินเป็นปกติไม่ได้อีก ฉะนั้นการให้ความรู้ และดูแลพวกเขาจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ผศ.นพ.กรกฤษณ์ ชัยเจนกิจ กล่าวถึงความสำคัญของวันโรคข้อสากลว่า "พวกเราต้องสนใจโรคข้อเสื่อม เพราะจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตที่แย่ลง ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่สนับสนุนการป้องกันโรค การวินิจฉัย การตรวจประเมิณอาการ
เบื้องต้น และเข้าถึงการรักษาตั้งแต่เริ่มต้น รวมไปถึงแนวทางการป้องกัน และดูแลรักษาสุขภาพผิวข้ออย่างถูกต้อง ร่วมกับการตระหนักถึงโรคและรู้ถึงอาการของโรคอย่างรวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญ"
ตรวจสอบว่าท่านมีความเสี่ยงที่จะเป็นข้อเสื่อมหรือยัง คลิก : https://pm.em.viatrisconnect.com/Jointcare
สำหรับบริษัท Viatris (เวียร์ทริศ) นั้นถือเป็นบริษัทยาระดับโลก ที่ก่อตั้งขึ้นจากการควบรวมกันระหว่างบริษัทยาชั้นนำอย่าง Mylan และ Upjohn ซึ่งมีพันธกิจมุ่งเน้นการเสริมสร้างให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นในทุกช่วงวัยของชีวิต ผ่านการเข้าถึงยาที่มากขึ้น โดยการจัดหายาที่มีคุณภาพให้ผู้ป่วย การนำนวัตกรรมมาใช้แก้ไขปัญหาสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับหลายองค์กร เพื่อนำเอาประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านต่างๆมาเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับผลิตภัณฑ์ และบริการ
ที่มา: ์Nulek PR