นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถาบันฯ ได้จัดการประกวดออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ 15 ภายใต้แนวคิด "Intergeneration Jewelry" - jewelry for every generation ซึ่งตรงกับแนวคิดในการออกแบบเครื่องประดับเพื่อทุกคน (Design for all) ที่เครื่องประดับนี้ได้หล่อหลอมและรังสรรค์ก้าวข้ามข้อจำกัดคนในแต่ละเจเนอเรชั่น และสวมใส่ได้ทุกช่วงวัย ในการจัดงานครั้งนี้สถาบันได้ดึงผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการออกแบบเครื่องประดับจาก สถาบันที่มีชื่อเสียงจากอิตาลี เกาหลีและอิหร่าน มาร่วมเป็นกรรมการในการตัดสินการประกวดออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ 15 นี้ และมีแนวทางในการสร้างความร่วมมือกับสถาบันการออกแบบทั้งในยุโรปและเอเชีย เพื่อต่อยอดนำนักออกแบบไทยเข้าร่วมงานในระดับโลกต่อไป สำหรับการประกวดในครั้งนี้ นักออกแบบที่ชนะเลิศและเข้ารอบสุดท้ายของการประกวดออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ 15 นี้ มีนักออกแบบไทยถึง 3 คน จากผู้ส่งแบบเข้าประกวดจากทั่วโลกกว่า 400 ชิ้นงาน จาก 27 ประเทศ โดยผลงาน 30 ชิ้นที่เข้ารอบจะได้ถูกแสดงแบบวาดในงานประกาศผลชนะเลิศโล่รางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี และผลงานสี่ชุดที่โดดเด่น เป็นของนักออกแบบไทยถึงสามคน โดยได้ผลิตเป็นชิ้นงานจริงพร้อมสวมบนนางแบบและดาราในงานพิธีในครั้งนี้ด้วย
โดยปีนี้สถาบันได้รับสนับสนุนการจัดการประกวดออกแบบเครื่องประดับครั้งนี้ เป็นจำนวนมาก อาทิ บริษัทสยามพิวรรธน์ จำกัด บริษัท บิวตี้เจมส์ แฟคตอรี่ จำกัด บริษัท มาร์เวลจิวเวลรี่ จำกัด บริษัท คาเล็ทต้า จิวเวลรี่ จำกัด บริษัท เทวิกา จิวเวลรี่ จำกัด บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด บริษัทเทรเชอร์ โปรดัก มาร์เก็ตติ้ง จำกัด บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น บริษัท พญาจิวเวลรี่ จำกัด และห้างเพชรหลี่เสง (LS Jewelry Group) และบริษัทพรีเมียร่า - เอ็กซ์ควิซิท จิวเวลรี่ จำกัด
นอกจากนี้ สถาบันก็ยังได้นำผลงานที่ผ่านเข้ารอบมาจัดแสดงในรูปแบบของ Art Gallery Online ที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมอง และสร้างแรงบันดาลใจผ่านการออกแบบให้นักออกแบบรุ่นใหม่ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปชมผลงานที่ผ่านเข้ารอบได้ที่ www.facebook.com/gitwjda สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายฝึกอบรม สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทร. 02 634 4999 ต่อ 311-313
ที่มา: สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ(องค์การมหาชน)