ท่วมปี 2564 กระทบผลผลิตข้าวนาปี...คาดมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ราว 6,300-8,400 ล้านบาท

ศุกร์ ๒๙ ตุลาคม ๒๐๒๑ ๑๐:๓๒
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ผลกระทบในเบื้องต้นต่อมูลค่าความเสียหายของข้าวจากผลของน้ำท่วมในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมปี 2564 อาจอยู่ที่ราว 6,300-8,400 ล้านบาท จากอิทธิพลของพายุที่ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมในหลายจังหวัดแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางของไทยที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ จะส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าวนาปี ซึ่งเกษตรกรได้ดำเนินการปลูกไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และเป็นช่วงที่ข้าวกำลังเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวออกสู่ตลาด เมื่อผนวกกับการไหลของน้ำที่ท่วมหลาก และในบางพื้นที่มีการแช่ขังของน้ำในระดับสูงนานหลายวัน ทำให้ในภาพรวมคาดว่าผลผลิตข้าวนาปีจะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมดังกล่าวอย่างไรก็ตาม แม้การประเมินตัวเลขความเสียหายดังกล่าวในปีนี้ที่อาจมีมูลค่าไม่มากเมื่อเทียบกับในอดีตที่มีน้ำท่วมรุนแรงล่าสุดของไทยเช่นในปี 2560 ทั้งในมิติของมูลค่าความเสียหายของข้าว และสัดส่วนมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจในภาพรวมเศรษฐกิจระดับประเทศ แต่ในระดับภูมิภาค เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อคนในพื้นที่ที่ครัวเรือนก็เผชิญความยากลำบากอยู่ก่อนแล้ว จากปัญหารายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว การมีงานทำ การเผชิญปัญหาสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งปัญหาในภาคธุรกิจ SMEsหลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศให้ไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2564 ก็ได้มีฝนตกโปรยปรายอย่างต่อเนื่องในทั่วทุกภาคของประเทศ แต่ล่าสุดจากอิทธิพลของพายุหลายลูกอย่างพายุโกนเซิน เตี้ยนหมู่ ไลออนร็อก และคมปาซุ ที่พัดผ่านประเทศไทยตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงปัจจุบันในเดือนตุลาคมนี้ ทำให้เกิดสถานการณ์ฝนตกชุกอย่างต่อเนื่อง น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยได้สร้างผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ราว 50 จังหวัด ซึ่งนับเป็นปีที่มีภาวะน้ำท่วมรุนแรงกว่าในอดีตเช่นปี 2551 และ 2553 ที่วัดได้จากในมิติปริมาณน้ำฝนสะสมและปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีมากกว่า ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร จนสร้างความเสียหายต่อพืชเศรษฐกิจสำคัญที่มีฤดูกาลผลิตในช่วงฤดูฝน คือ ข้าวนาปีจากผลกระทบของน้ำท่วมที่มีต่อพืชเกษตรฤดูฝนสำคัญอย่างข้าวนาปี ซึ่งมีผลผลิตทยอยออกสู่ตลาดในเดือนก.ย.-ต.ค.2564 รวมราวร้อยละ 14.5 ของปริมาณผลผลิตข้าวนาปีทั้งปีการผลิต และยังเป็นผลผลิตข้าวหลักของประเทศ ที่ส่วนใหญ่มีผลผลิตอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยละ 48.7) ภาคเหนือ (30.3) และภาคกลาง (ร้อยละ 19.5) ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า จากภาวะน้ำท่วมในหลายจังหวัดแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางของไทยที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ จะส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าวนาปี ซึ่งเกษตรกรได้ดำเนินการปลูกไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และเป็นช่วงที่ข้าวกำลังเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวออกสู่ตลาด เมื่อผนวกกับการไหลของน้ำที่ท่วมหลาก และในบางพื้นที่มีการแช่ขังของน้ำในระดับสูงนานหลายวัน ทำให้ในภาพรวมคาดว่าผลผลิตข้าวนาปีจะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมดังกล่าว โดยผลกระทบในเบื้องต้นต่อมูลค่าความเสียหายของข้าวจากผลของน้ำท่วมในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมปี 2564 อาจอยู่ที่ราว 6,300-8,400 ล้านบาท บนสมมติฐานที่เป็นพื้นที่นาข้าวได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งสิ้นราว 5 ล้านไร่ และเสียหายจากต้นข้าวตายไปราวร้อยละ 30-40 ของพื้นที่นาข้าวทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งนี้ แม้ว่าผลผลิตข้าวบางส่วนจะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม แต่เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่อยู่ในเกณฑ์ดีเอื้อต่อการเพาะปลูกข้าวในภาพรวมทั้งปี ประกอบกับผลผลิตข้าวนาปรังไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในช่วงต้นปี ทำให้ภาพรวมผลผลิตข้าวทั้งปี 2564 ยังนับว่าอยู่ในเกณฑ์ดีที่ราว 30 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 (YoY) ขณะที่ในแง่ของราคาข้าวเฉลี่ยทั้งปี 2564 อาจอยู่ที่ราว 8,700-9,200 บาทต่อตัน หรือลดลงร้อยละ 18.9-23.3 (YoY)นอกจากนี้ มองต่อไปในเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นช่วงผลผลิตข้าวนาปีออกสู่ตลาดมากที่สุดคิดเป็นราวร้อยละ 67.1 ของปริมาณผลผลิตข้าวนาปีทั้งปีการผลิต ก็อาจส่งผลกดดันต่อราคาข้าวให้ปรับตัวลดลงจากปริมาณผลผลิตข้าวที่มีในระดับสูงและข้าวอาจมีความชื้นสูง ซึ่งจะถูกกดราคา ก็จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้มีความยากลำบากต่อเนื่องจากช่วงก่อนหน้าที่ผลผลิตข้าวเสียหายจากน้ำท่วม ประกอบกับในภาวะที่ภาคการส่งออกข้าวก็มีแนวโน้มไม่ดีนักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ ทำให้ราคาข้าวมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น นโยบายของภาครัฐในโครงการประกันรายได้เกษตรกรระยะที่ 3 (ปี 2564/2565) น่าจะสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนที่ดีในการช่วยประคับประคองรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไม่ให้ต้องเผชิญความยากลำบากมากนัก
  • อย่างไรก็ดี แม้ในขณะนี้อิทธิพลของพายุคมปาซุได้คลี่คลายลงไปแล้ว ทำให้ในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ได้มีระดับน้ำท่วมที่ลดลงไปบ้างแล้ว แต่เมื่อมองต่อไป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 ประเทศไทยน่าจะได้รับอิทธิพลจากพายุเขตร้อนตามฤดูกาลที่มีแนวโน้มรุนแรงในภาคใต้ ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณน้ำฝนให้อยู่ในระดับสูง จึงยังคงต้องจับตาถึงระดับความรุนแรงของพายุที่อาจสร้างความเสียหายต่อผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเกษตรหลักในภาคใต้อีกด้วย
  • ทั้งนี้ เป็นการประเมินในเบื้องต้นที่ไม่ได้รวมความเสียหายด้านทรัพย์สิน (เช่น ถนน สะพาน เป็นต้น) และยังต้องมีการติดตามระยะเวลาและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะ และอาจมีการทบทวนตัวเลขนี้ตามความเหมาะสมในระยะต่อไป รวมทั้งยังต้องติดตามสภาพภูมิอากาศในช่วงระยะข้างหน้า โดยเฉพาะความเสี่ยงจากน้ำท่วมในภาคใต้ อย่างไรก็ตาม แม้การประเมินตัวเลขความเสียหายดังกล่าวในปีนี้ที่อาจมีมูลค่าไม่มากเมื่อเทียบกับในอดีตที่มีน้ำท่วมรุนแรงล่าสุดของไทยเช่นในปี 2560 ทั้งในมิติของมูลค่าความเสียหายของข้าว และสัดส่วนมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจในภาพรวมเศรษฐกิจระดับประเทศ แต่ในระดับภูมิภาค เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อคนในพื้นที่ที่ครัวเรือนก็เผชิญความยากลำบากอยู่ก่อนแล้ว จากปัญหารายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ราคาข้าวมีแนวโน้มลดลง) การมีงานทำ การเผชิญปัญหาสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งปัญหาในภาคธุรกิจ SMEs

ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO