สำหรับข้อสรุปของการหารือร่วมกันในวันนี้ รมช.ประภัตร เปิดเผยว่า ประเทศไทยเปิดประเทศอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากการระบาดของโคโรนาไวรัสเริ่มดีขึ้น ดังนั้นภาคเกษตรทุกส่วนต้องเดินหน้าต่อ วันนี้จึงได้เชิญตัวแทนเกษตรกร ผู้ประกอบการค้าและส่งออกโค - กระบือ มาร่วมกันหารือว่าจะเดินหน้ากันต่อในทิศทางไหน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ พร้อมจะเข้าไปให้การช่วยเหลือ สนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดหลักที่นำเข้าโค - กระบือไทย ซึ่งประเทศจีนนั้นมีมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันโรคปากเท้าเปื่อย และสารเร่งเนื้อแดง และโรคต่างๆ มีการทำข้อตกลงร่วมกับประเทศลาว ในการสร้างด่านที่ชายแดนกักกันและตรวจโรค ก่อนส่งเข้าสู่ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยเองก็ต้องส่งขายผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ไม่สามารถส่งตรงเข้าสู่ประเทศจีนได้โดยตรง และในขณะนี้ได้รับการติดต่อจากตัวแทนของประเทศลาว ว่ามีความต้องการซื้อโคจากประเทศไทย เพื่อไปส่งต่อสู่ตลาดจีน กว่า 500,000 ตัว ดังนั้น การหารือในวันนี้ จึงได้ข้อสรุป และตนได้สั่งการลงไปให้ดำเนินการแล้ว ดังนื้
- ให้กรมปศุสัตว์ เตรียมเปิดเขตพื้นที่ควบคมพิเศษ เพื่อส่งเสริมการนำเข้า การผลิต - ส่งออก โคและเนื้อโคปศุสัตว์ Sandbox ตามด่านชายแดนที่สำคัญ
- ให้มีการกำหนดมาตรการต่างๆ ตามที่ผู้ซื้อกำหนด (ประเทศจีนประเทศลาว) ( รวมถึงการรณรงค์ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโค งดการใช้สารเร่งเนื้อแดง
- ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ เพื่อเตรียมข้อมูลที่จะใช้ในการไปเจรจากับผู้ซื้อในสัปดาห์
- ให้ทางคณะเกษตรกรผู้เลี้ยงโค และพ่อค้าคนกลาง ร่วมเดินทางไปพบผู้ซื้อ ระหว่างประเทศไทย - ประเทศลาว โดยยังไม่กำหนดสถานที่ แต่จะเดินทางไม่เกินวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564
- ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ดำเนินการประสานงานตรงกับรัฐบาลจีน เพื่อหารือการจัดทำพิธีสารขอเจรจาส่งออกโค - กระบือ ไปยังประเทศจีนโดยตรง ไม่ผ่านประเทศกลาง
- ให้กรมปศุสัตว์เร่งหารือและกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ เพื่อเปิดด่านชายแดนทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรสามารถนำเข้าวัวมาขุนต่อและส่งออกได้
ที่มา: สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์