สำหรับจังหวัดสุพรรณบุรี อยู่ในกลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดชัยนาท จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี ต้องดูสถานการณ์น้ำที่ 4 เขื่อนหลัก เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสัก โดยในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฝนตกใต้เขื่อน ทำให้ต้องมีการระบายน่ำท้ายเขื่อน และน้ำต้องไหลมารวมกันที่จังหวัดนครสวรรค์ แล้วไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ทำให้ต้องผันน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เข้าสู่ระบบชลประทาน แต่เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ส่งผลให้มวลน้ำมากเกินกว่าระบบชลประทานจะบริการจัดการได้ ทำให้ลำน้ำเจ้าพระยา ริมตลิ่งทั้งสองฝั่งเกิดน้ำท่วม ซึ่งการบริหารจัดการน้ำ ต้องดูภาพรวมให้เกิดความเสียหาย เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ดังนั้นในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะมาจากจังหวัดกาญจนบุรี หรือในที่ตกในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถระบายลงแม่น้ำท่าจีนได้ทั้งหมด ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมขึ้นในพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชน ถึงวันนี้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ก็ต้องใช้เวลา เพื่อบริหารจัดการให้กลับสู่ภาวะปกติ เพราะยังมีอีกหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการหนุนของน้ำทะเล หรือปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่
รมช.ประภัตร ได้สั้งการหน่วยงานชลประทานในพื้นที่ ให้บรรเทาความเดือดร้อน ให้กับประชาชนในพื้นที่ทุ่งรับน้ำโพธ์พระยา อำเภอสองพี่น้อง อำเภอบางปลาม้า และอำเภออู่ทอง โดย ให้ลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนกะเสียว ที่ลงสู่แม่น้ำท่าจีน และให้ดำเนินการหน่วงน้ำจากเขื่อนพลเทพ เพื่อลดการระบายน้ำลง และให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่าโบสถ์ สามชุก โพธิ์พระยา ร่วมกันผันน้ำเข้าทุ่ง เพื่อลดปริมาณน้ำในแม่น้ำท่าจีน สุดท้ายได้สั้งการกรมชลประทาน สนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำที่สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน โดยให้เร่งจัดหาวันนี้ 6 เครื่อง ภายใน 6 โมงเย็น และจะเร่งดำเนินการหามาเพิ่มอีก14 เครื่อง ภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมชลประทานดูแลภาพรวม ให้พี่น้องประชาชน สามารถใช้ชีวิต สัญจรได้ตามปกติ ซึ่งคาดว่าตามข้อสั่งการแล้ว ระดับน้ำที่ท่วมพื้นที่พักอาศัยและเส้นทางสัญจร จะลดลงภายใน 3 วัน ส่วนในเรื่องการระบายน้ำออกจากทุ่งนั้น สำหรับจังหวัดสุพรรณบุรี คาดว่าจะเป็นช่วงเดือนธันวาคม 2564
ที่มา: สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์