นายซุง ชง ทอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจรด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 (กรกฎาคม-กันยายน) ว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้ดี แม้มีปัจจัยความเสี่ยงของ Covid-19 โดยมีรายได้จากการขาย 204.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 32.99 ล้านบาท เติบโต 52.52% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หลังนำความสามารถด้านการผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปมาตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกค้าที่มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศเพื่อรับจังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรในไตรมาสนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี พร้อมกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้ ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม 64-กันยายน 64) ให้มีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 609.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 98.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.20% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราการใช้เครื่องจักรเฉลี่ยอยู่ที่ 80.30% ของกำลังการผลิตระบบงานพิมพ์การ์เวียร์
"แม้ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้จะได้รับผลกระทบจาก Covid-19 อยู่บ้าง แต่ SFT ยังสามารถผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานได้ดี ทั้งในส่วนของงบ 9 เดือนแรกและไตรมาส 3 ของปีนี้ สะท้อนถึงศักยภาพด้านการผลิตที่แข็งแกร่งได้อย่างเด่นชัด และตอกย้ำว่า SFT เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน" นายซุง ชง ทอย กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SFT กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้าย บริษัทฯ มั่นใจว่าจะยังรักษาอัตราการเติบโตได้ดี หลังความเชื่อมั่นภาคเอกชนกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น จากนโยบายภาครัฐที่เปิดประเทศ ประกอบกับสถานการณ์ Covid-19 มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดี ทำให้ลูกค้ามีความต้องการฉลากฟิล์มหดรัดรูปเพิ่มขึ้น รองรับแผนการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายช่วงเทศกาลส่งท้ายปลายปี ซึ่ง SFT มีศักยภาพและความพร้อมด้านฐานการผลิตที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ หลังจากมีการเริ่มเดินเครื่องจักรในไลน์การผลิตใหม่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา จึงมั่นใจว่าภาพรวมการดำเนินงานทั้งปีจะเติบโต 15-20% ได้ตามเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเดินหน้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) โดยใช้ระบบการพิมพ์แบบดิจิทัล เพื่อทดลองทำตลาดกับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง และกลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็น S-Curve ที่ผลักดันการเติบโตให้แก่ SFT ในอนาคต
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย