ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำพร้อมพลิกโฉมส่วนการผลิตเป็น 'การอนุรักษ์ป่า' (Forest Positive) ภายในปี 2030

พฤหัส ๑๑ พฤศจิกายน ๒๐๒๑ ๐๘:๔๐
แนวร่วมปฏิบัติเพื่อการอนุรักษ์ป่า  (Forest Positive Coalition of Action) กำหนดเป้าหมายข้อตกลงเกี่ยวกับภูมิทัศน์ เพื่อช่วยหยุดการตัดไม้ทำลายป่าและผลักดันกลยุทธ์การอนุรักษ์ป่า

-  แนวร่วมปฏิบัติเพื่อการอนุรักษ์ป่าของประชาคมสินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มต้นการดำเนินงานตามกลยุทธ์ระยะแรกโดยจะพลิกโฉมพื้นที่ขนาดเทียบเท่ากับขนาดฐานการผลิตของแนวร่วมปฏิบัติรวมกันให้กลายเป็นพื้นที่ป่าไม้ภายในปี 2030

- แนวร่วมปฏิบัติและสมาชิกรวม 20 รายมุ่งมั่นที่จะลงทุนในโครงการริเริ่มระดับท้องถิ่นเพื่อสร้างผลลัพธ์ว่าด้วย 'การอนุรักษ์ธรรมชาติ อนุรักษ์สภาพภูมิอากาศ และความเป็นอยู่ของประชากรที่ดี" (nature positive, climate positive, and people positive)

แนวร่วมปฏิบัติเพื่อการอนุรักษ์ป่าของประชาคมสินค้าอุปโภคบริโภค (CGF) เผยเป้าหมายกลยุทธ์ในวันนี้ เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่พลิกโฉมเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า ในภูมิภาคที่มีการผลิตและจัดหาสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญของแนวร่วมปฏิบัติภายในปี 2030 ข้อตกลงร่วมกันในพื้นที่เหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงของแนวร่วมปฏิบัติ ซึ่งส่งเสริมความมุ่งเน้นเกี่ยวกับการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน และการพัฒนาธุรกิจที่อนุรักษ์ป่าตลอดห่วงโซ่มูลค่าระดับโลก แนวร่วมปฏิบัติอาศัยความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย องค์กร และหน่วยงานรัฐในท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนโครงการริเริ่มเหล่านี้ โดยหาทางใช้อิทธิพลของตนในฐานะผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตชั้นนำของโลก 20 ราย เร่งรัดการเปลี่ยนแปลงเป็นวงกว้างในด้านของห่วงโซ่อุปทานสินค้าโภคภัณฑ์ พื้นที่การผลิต และเขตการปกครองทั่วโลก

สมาชิกของแนวร่วมปฏิบัติใช้อิทธิพลเหล่านี้ในการทำงานเพื่อพลิกโฉมพื้นที่ร่วมกัน โดยตั้งเป้าหมายครอบคลุมพื้นที่ขนาดเท่ากับขนาดฐานการผลิตของแนวร่วมปฏิบัติรวมกันภายในปี 2030 สมาชิกแนวร่วมปฏิบัติแต่ละรายมุ่งมั่นที่จะลงทุนในโครงการริเริ่มระดับท้องถิ่น ผลักดันการอนุรักษ์ป่าไม้ ฟื้นฟูระบบนิเวศ และความปรองดองของชุมชนกับการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญ 4 รายการของแนวร่วมปฏิบัติ ได้แก่ น้ำมันปาล์ม, ถั่วเหลือง, กระดาษ และบรรจุภัณฑ์จากเยื่อไม้และเส้นใย และเนื้อวัว 

กลยุทธ์จะเริ่มต้นด้วย "ระยะการเรียนรู้" จนถึงปี 2023 ซึ่งสมาชิกของแนวร่วมปฏิบัติทั้งหมดจะลงทุนในหนึ่งโครงการเป็นอย่างน้อยทุกปี โดยเป็นโครงการที่เลือกจากแฟ้มผลงาน "การเรียนรู้จากการลงมือทำ" ของโครงการปรับภูมิทัศน์ แฟ้มผลงานนี้ประกอบด้วย 20 โครงการที่ผลักดันผลลัพธ์การอนุรักษ์ป่าไม้ในหกประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก บราซิล ชิลี รัสเซีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โครงการริเริ่มเหล่านี้คัดเลือกตามหลักการของแนวร่วมปฏิบัติว่าด้วยการลงมือทำร่วมกัน ดูได้ที่นี่ 

แนวร่วมปฏิบัติใช้ขนาดฐานการผลิตของตนเองในการกำหนดขนาดเป้าหมาย ขนาดฐานการผลิตนี้เองเป็นค่าประมาณกลางเพื่อแสดงผลกระทบและการใช้ประโยชน์ของแนวร่วมปฏิบัติในการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ ปัจจุบันแนวร่วมปฏิบัติกำลังคำนวณขนาดพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ที่มุ่งเน้น โดยร่วมมือกับ 3Keel และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรต่าง ๆ เช่น World Wildlife Fund, Accountability Framework Initiative และ Nature Conservancy การคำนวณและวิธีการนี้จะมีการเปิดเผยเมื่อเสร็จสมบูรณ์ และคาดว่าจะมีการปรับปรุงเป็นระยะ

เป้าหมายพื้นที่นี้เป็นผลจากการทำงานของสมาชิกผู้ทุ่มเทจากแนวร่วมปฏิบัติเพื่อการอนุรักษ์ป่าของ CGF ที่นำโดยผู้ผลิต PepsiCo และผู้ค้าปลีก Tesco โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ร่วมสนับสนุนระดับคณะกรรมการของ CGF ของแนวร่วมปฏิบัติ Alexandre Bompard ซีอีโอและประธานของ Carrefour และ Grant F. Reid ซีอีโอของ Mars, Incorporated แนวร่วมปฏิบัตินี้ยังได้รับการสนับสนุนโดย Tropical Forest Alliance และ Proforest ในฐานะพันธมิตรทางกลยุทธ์และเทคนิค

การเปิดตัวกลยุทธ์ทางพื้นที่แนวร่วมปฏิบัติเกิดขึ้นหลังจาก Jim Andrew ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความยั่งยืนของ PepsiCo แบ่งปันรายละเอียดของเป้าหมายของแนวร่วมปฏิบัติในระหว่างการประชุม FACT Dialogue Nature Day Panel ในการประชุมสุดยอดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติครั้งที่ 26 (COP26) ในเมืองกลาสโกว์ ซึ่งตามมาด้วยโครงการริเริ่มของรัฐบาลกว่า 100 ประเทศที่ตั้งเป้ายุติการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2030 อันเป็นคำปฏิญาณที่ประชาคมสินค้าอุปโภคบริโภคและแนวร่วมปฏิบัติเพื่อการอนุรักษ์ป่าน้อมรับมาปฏิบัติ

Ken Murphy ซีอีโอของ  Tesco และสมาชิกคณะกรรมการ  CGF กล่าวว่า "สมาชิกทุกรายของแนวร่วมปฏิบัติเพื่อการอนุรักษ์ป่าอยู่ในเส้นทางการอนุรักษ์ป่าในระยะที่แตกต่างกันไป แต่เรามีเป้าหมายเดียวกันในการหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า และสนับสนุนผู้คนและชุมชนที่เรียกพื้นที่อาศัยที่สำคัญนี้ว่าบ้าน การเปิดตัวเป้าหมายด้านพื้นที่ร่วมกันของเรา คือผลลัพธ์จากการเรียนรู้ การแบ่งปันแนวปฏิบัติ และความมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียนานหลายเดือน ตอนนี้เราหวังว่าจะได้เปลี่ยนการเรียนรู้เหล่านี้เป็นการลงมือทำ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับความยั่งยืนโดยตรงในภูมิภาคที่เราให้จัดหาสินค้าโภคภัณฑ์ครับ"

Ramon Laguarta ซีอีโอ  PepsiCo และสมาชิกคณะกรรมการ  CGF กล่าวว่า "ในฐานะบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค เราทุกคนต้องพึงพาสภาพภูมิอากาศที่มั่นคงและระบบนิเวศทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเชื่อมโยงธุรกิจต่าง ๆ เข้ากับสุขภาพป่าไม้ในโลก ความเป็นอยู่ของชุมชน และความยั่งยืนของโลกของเราโดยตรง เรามีกลยุทธ์การพลิกโฉมระหว่างธุรกิจเรียกว่า pep+ (PepsiCo Positive) ที่เราจะเร่งรัดความพยายามเพื่อทำให้ระบบอาหารมีความยั่งยืน หมุนเวียนได้ และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น เราภาคภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับเพื่อนสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติ และร่วมมือกันเราจะช่วยสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนขึ้นสำหรับเราทุกคน"

Alexandre Bompard ซีอีโอและประธาน  Carrefour และผู้สนับสนุนร่วมของแนวร่วมปฏิบัติกล่าวว่า "ในฐานะสมาชิกของแนวร่วมปฏิบัติเพื่อการอนุรักษ์ป่า เราตระหนักว่า เราต้องขยายออกไปนอกห่วงโซ่อุปทานแต่ละระบบเพื่อปลดล็อกอนาคตป่าที่อุดมสมบูรณ์ครับ การลดผลกระทบเชิงลบที่มีต่อป่ายังไม่เพียงพอ นั่นเป็นสาเหตุที่เราสนับสนุนโครงการริเริ่มในท้องถิ่นทำงานโดยตรงลงพื้นที่ในสภาพแวดล้อมและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการตัดไม้ทำลายป่ามากที่สุด ด้วยกลยุทธ์ร่วมกันนี้ เราจะสร้างบรรทัดฐานอุตสาหกรรมใหม่เพื่อทำให้วิสัยทัศน์การอนุรักษ์ป่าในอนาคตกลายเป็นความจริง"

Grant F. Reid ซีอีโอของ  Mars, Incorporated และผู้สนับสนุนร่วมของแนวร่วมปฏิบัติกล่าวว่า "ความร่วมมือและขนาดเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของแนวร่วมปฏิบัติเพื่อการอนุรักษ์ป่า และกลยุทธ์ใหม่นี้แสดงถึงความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อผลักดันการปฏิบัติไปสู่อนาคตป่าที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ ประชาสังคม และรัฐบาล เราจะหาทางออกที่สร้างผลลัพธ์ และเราจะมีส่วนร่วมในการเร่งรัดความพยายามเพื่อกำจัดการตัดไม้ทำลายป่าในภูมิภาคที่สำคัญ"

สมาชิก CGF ที่ร่วมการประกาศในวันนี้ประกอบด้วยผู้ค้าปลีก 7 ราย ได้แก่ Carrefour, Jer?nimo Martins, METRO AG, Sainsbury's, Sodexo, Tesco และ Walmart — และผู้ผลิต 13 ราย ได้แก่ Asia Pulp and Paper (APP) Sinar Mas, Colgate-Palmolive Company, Danone, Essity, General Mills, Grupo Bimbo, Mars, Incorporated, Mondel?z International, Nestle, P&G, PepsiCo, Reckitt และ Unilever

ดูเพิ่มเติมที่ www.tcgfforestpositive.com

โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1279200/The_Consumer_Goods_Forum_Logo.jpg



ที่มา:  พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version