สหไทย เทอร์มินอล (PORT) ไตรมาส 3 กำไรโต QoQ 46.75% ส่งสัญญาณฟื้นตัวจากสถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน

จันทร์ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๐๒๑ ๐๘:๓๖
สหไทย เทอร์มินอล (PORT) หนึ่งในผู้นำการให้บริการท่าเทียบเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงจรเผยผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 2564 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 12.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 46.75%

คุณเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวว่า "สำหรับ ไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทฯมีรายได้รวม 518.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.83% จากรายได้รวม 341.25 ล้านบาท เทียบกับปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการในการเป็นตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออก(Freight forwarder) และบริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า โดยมีกำไรขั้นต้น 71.24 ล้านบาท ลดลง 23.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 11.90 ล้านบาท ลดลง 50.89% จากกำไรสุทธิ 24.23 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2563 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 12.21 ล้านบาท ลดลง 47.89% ถึงแม้บริษัทฯจะมีรายได้จากการให้บริการเป็นตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออก(Freight forwarder)เพิ่มขึ้น เพื่อมาชดเชยรายได้จากกิจกรรมบริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ แต่เนื่องจากกิจกรรมการให้บริการเป็นตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออก(Freight forwarder)นั้น มีกำไรขั้นต้นที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นของรายได้จากบริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในภาพรวมยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แต่อย่างไรก็ตามจากอัตราค่าระวางเรือที่ทรงตัว ทำให้ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกบางส่วนเริ่มปรับตัวรับกับอัตราค่าระวางเรือดังกล่าวได้ ทำให้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนผลการดำเนินการของบริษัทฯมีแนวโน้มดีขึ้น โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 46.75%"

คุณบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวเสริมว่า "สำหรับ 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ บริษัทฯมีรายได้เติมโต 16.94 % โดยมีเติบโตในทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการบริการขนส่งทางบก การบริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า ร่วมถึงบริการต่อเนื่องอื่น เว้นแต่รายได้จากกิจกรรมท่าเรือที่ยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่กดดันอยู่ และคาดว่ายังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4 ของปีนี้ ทางบริษัทฯยังคงติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นและมุ่งที่จะเพิ่มปริมาณตู้สินค้าที่ผ่านท่าเรือให้ได้โดยเร็ว โดยบริษัทฯเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ดังกล่าวได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ด้วยปัจจุบันรัฐบาลในหลายประเทศได้มีนโยบายและมาตรการต่างๆเพื่อรณรงค์ให้ประชากรของตนเองเข้ารับวัคซีน พร้อมผลักดันให้ประชากรสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19ได้ ทำให้ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนเริ่มดีขึ้น อัตราค่าระวางเรือที่เริ่มทรงตัวตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา"

สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือแห่งใหม่ที่ PORT ร่วมลงทุนกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผล และ บริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk สายเรืออันดับหนึ่งของโลก ผ่านบริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอมินอล จำกัด (Bangkok River Terminal : BRT) โครงการดังกล่าวจะให้บริการท่าเรือขนส่งตู้สินค้าระหว่างประเทศ (feeder) ตั้งอยู่บนพื้นที่ว่า 45 ไร่ เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ซึ่งปัจจุบันได้รับการอนุมัติ EIA แล้ว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมให้บริการในปลายปี 2565 ส่วนโครงการศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ ซึ่ง PORT ร่วมทุนกับกลุ่มเฟรเซอร์สฯ ผู้นำการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมไทย คาดว่าจะเปิดดำเนินการในต้นปี 2565 โดยจะเปิดในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร ผ่านบริษัท บริษัท บางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (Bangkok Logistics Park : BLP) หากโครงการทั้ง 2 ได้เริ่มเปิดดำเนินการ บริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจอีกด้วย

บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT เป็นผู้ให้บริการท่าเรือเอกชนครบ วงจรรายใหญ่ของประเทศไทยโดยให้บริการตั้งแต่ 1. ธุรกิจการให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ ครบวงจรสำหรับเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Feeder) และเรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง (Barge) รวมถึงการให้บริการบรรจุสินค้าเข้าและถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ (CFS) และซ่อมแซมทำความสะอาดตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) 2.ธุรกิจการให้บริการขนส่ง ตู้คอนเทนเนอร์ทางบก ภายในบริเวณจังหวัดกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลบริเวณเขตพื้นที่แหลมฉบัง 3. ธุรกิจการให้บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้าโดยให้บริการพื้นที่ลานพักตู้คอนเทนเนอร์ และคลังจัดเก็บสินค้ากับลูกค้า ทั้งที่เป็นเขตให้บริการปกติและปลอดภาษีอากร (Free Zone) ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯให้บริการแก่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกกลุ่มธุรกิจ e-commerce และอีกหลากหลายอุตสาหกรรม 4.ธุรกิจการให้บริการ เกี่ยวเนื่องอื่นๆ อาทิ การให้บริการ Freight Forwarding เป็นต้น

ที่มา: แบรนด์ เวลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version