นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ทริสเรทติ้ง สถาบันการจัดอันดับเครดิตที่มีความน่าเชื่อถือ ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ ธอส.ในระดับ "AAA" เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน (เริ่มจัดอันดับปี 2563-2564) และจัดอันดับเครดิต พันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ในระดับ "AAA" ภายหลังการควบรวม บตท. เข้ากับ ธอส. ตามพระราชบัญญัติยุบเลิกบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2563 รวมทั้งแนวโน้มอันดับเครดิตของ ธอส. ที่ระดับ "คงที่" (Stable) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจาก ทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงสถานะทางกฎหมายของ ธอส. ที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เห็นได้จากผลการดำเนินงานปี 2563 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 225,151 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 67 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคาร และ ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ยังปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 166,173 ล้านบาท และให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน มีลูกค้าเข้ามาตรการรวมสูงสุดถึง 968,555 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 842,056 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธอส. ยังเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 32.40% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 เมื่อเปรียบเทียบกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจด้วยกัน ธอส. จึงถือว่าเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในประเทศไทย โดยมีสินทรัพย์รวมมูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท และ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนของ ธอส. อยู่ที่ระดับ 15.26% ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดตามกฎระเบียบ ซึ่งการจัดอันดับเครดิตในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพประสิทธิภาพการเป็นองค์กรที่ดี และสามารถขับเคลื่อนภารกิจเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของธนาคารต่อไป
ที่มา: ธนาคารอาคารสงเคราะห์