ในไตรมาสนี้ รายได้ธุรกิจสื่อโฆษณา คิดเป็น 35.6% ของรายได้ทั้งหมด หรือ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4% YoY ซึ่งมาจากค่าตอบแทนขั้นต่ำที่ได้รับจากบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ("PlanB") แบ่งเป็น สื่อโฆษณาในประเทศ มีรายได้ 203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.9% YoY สื่อโฆษณาในต่างประเทศ มีรายได้ลดลง 81.2% YoY มาอยู่ที่ 11 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศมาเลเซีย สำหรับ รายได้ธุรกิจงานระบบครบวงจร เพิ่มขึ้น 17.7% YoY จากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากงานติดตั้งระบบ ซึ่งคิดเป็น 64.4% ของรายได้ทั้งหมด หรือ 386 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากการลงทุนในกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วมลดลงมาอยู่ที่ 17 ล้านบาทจาก 53 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัท PT Avabanindo Perkasa ("Otego") ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาในรถไฟฟ้าในประเทศมาเลเซีย ซึ่งบริษัทฯ ได้ทำการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนใน Otego เสร็จสิ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563/64 จึงส่งผลให้ในไตรมาสนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131.3% YoY โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.4%
สำหรับทิศทางในการดำเนินธุรกิจในอนาคตของ MACO ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทยยังคงมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้การฟื้นตัวของธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากภายใต้สภาวการณ์ดังกล่าว MACO จึงตัดสินใจปรับลดบทบาทในการดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านลง โดยดำเนินการขายสินทรัพย์ประเภทสื่อโฆษณาบิลบอร์ดภายในประเทศให้แก่ PlanB อย่างไรก็ตาม MACO ยังคงมีฐานะเป็นเจ้าของสื่อโฆษณาประเภทสตรีทเฟอร์นิเจอร์ในประเทศไทยต่อไป ซึ่งภายใต้ธุรกิจสื่อโฆษณาเราจะมุ่งเน้นการขยายสื่อโฆษณาประเภทสตรีทเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นสื่อโฆษณาที่มีศักยภาพในการเติบโต จากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ ของ BTS นอกจากนี้ MACO จะยังคงรักษาสถานะในการบริหารจัดการสื่อโฆษณาในภูมิภาคอาเซียน อันได้แก่ ประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศเวียดนาม พร้อมกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจงานระบบครบวงจรอย่างต่อเนื่องต่อไป บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าความเชี่ยวชาญในธุรกิจสื่อโฆษณา ประกอบกับความรู้ด้านเทคโนโลยีการให้บริการงานระบบครบวงจรจะสามารถช่วยสนับสนุนและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ของบริษัทฯ ได้ในอนาคต
สุดท้ายนี้ การมองหาโอกาสในการลงทุนทางธุรกิจเพื่อขยายพอร์ตการลงทุนและรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ นอกเหนือจากธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านนั้น บริษัทฯ ได้ศึกษาโอกาสในการลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง และได้ตัดสินใจเข้าลงทุนในบริษัท Zipmex Asia Pte Limited ("Zipmex") ผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าวนับเป็นก้าวแรกที่สำคัญของ MACO ในการปรับตัวเพื่อพร้อมรับมือกับเปลี่ยนแปลงไปของธุรกิจในโลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ของแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงเทรนด์การเติบโตด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทั่วโลก ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นว่าการปรับตัวของ MACO ผ่านการลงทุนใน Zipmex จะช่วยสร้างโอกาสในการเติบโตในธุรกิจใหม่ นอกเหนือจากธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น" นาย พุน ฉง กิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว.
ที่มา: มาสเตอร์ แอด