นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช กรรมการ รองประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสเนลไวท์ เปิดเผยผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งหมด 1,083.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 283.67 ล้านบาท หรือ 35.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของก่อน (yoy) โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากยอดขายออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการออกผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่และแบรนด์สินค้าใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่สนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้น บริษัทฯ มีรายได้หลักจากการขายรวม 868.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 166.08 ล้านบาท หรือ 23.65% ซึ่งคิดเป็น 80.13% ของรายได้รวมและรายได้อื่นๆ 215.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.59 ล้านบาท หรือ 120.31% คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 19.87% ซึ่งรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น มาจากรายได้ส่วนงานธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 384.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.07 ล้านบาท หรือ 15.30% จากยอดขายในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ที่เติบโตเป็นอย่างมาก ทั้งจากช่องทางการจำหน่ายผ่านร้านค้าชั้นนำ (Modern Trade) และช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการทำแผนการตลาดเพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายมากขึ้น สำหรับรายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงาม มียอดขายอยู่ที่ 483.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.01 ล้านบาท หรือ 31.23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัท คิวรอน จำกัด ครบ 100% เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การเติบโตขึ้นของรายได้ สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนกำไรขั้นต้นในช่วง 9 เดือนแรก ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 59% จาก 55% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 3 สัดส่วนดังกล่าวมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นเป็น 64% จาก 50% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการที่บริษัทสามารถเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่มีกำไรสูงมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงสร้างต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นตามแผน Fit for Growth ที่ได้วางไว้สำหรับปีนี้ โดยมีต้นทุนขายสำหรับงวด 9 เดือน อยู่ที่ 359.54 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนต้นทุนขายต่อรายได้จากการขาย 41.41% ลดลงจาก 45.16 % ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะบริษัทมีสินค้าเสื่อมสภาพลดน้อยลงอย่างมาก และเมื่อเทียบอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายต่อรายได้จากการขายมีสัดส่วนลดลงเช่นเดียวกัน โดยลดลงอยู่ที่ 43.22% จาก 46.26% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ได้ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการโฆษณาและค่าส่งเสริมการขายลงเพื่อปรับให้เหมาะสมกับสถาณการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าบางส่วนของบริษัทฯ ไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ ประกอบกับบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นการโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลักเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
"ในช่วงไตรมาส 3 บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นปากและลำคอที่มีส่วนผสมของฟ้าทะลายโจร ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้ง การเปิดตัวแบรนด์สินค้าใหม่ "N LIFE PLUS" เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาส 4 จะปรับตัวดีขึ้น หลังภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ส่งผลให้ยอดขายผ่านช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรดและห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพิ่มขึ้นตามมา นอกจากนี้ แผนการย้ายคลังสินค้า และรวมศูนย์การขนส่งของกลุ่มบริษัทน่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน ช่วยให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลงอีกในปี 2565" นางสาวนันทวรรณ กล่าว
นางสาวนันทวรรณ กล่าวต่อว่า ล่าสุดบริษัทฯได้ลงนามในสัญญากับ Netizen ในการปรับปรุงระบบ ERP ใหม่ โดยมุ่งหวังเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูล การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง รวมถึงเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้ดีขึ้น โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 10 เดือน
นอกจากนี้ ในไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทฯ ยังคงเน้นขยายช่องทางการขายมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางการขายผ่านออนไลน์ รวมถึงการเพิ่มช่องทางขายใหม่ๆ ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกเป้าหมาย และสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในยุคโควิด-19 เช่น การทำ Live stream เป็นต้น รวมถึงการรุกทำการตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเพิ่มจุดขายในประเทศฟิลิปปินส์และการเตรียมแต่งตั้งตัวแทนกระจายสินค้าในประเทศกัมพูชา ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายและรักษายอดขายไว้ได้
ที่มา: บริษัท เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด