นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า การลงนามสัมปทานฯ ในครั้งนี้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่เห็นชอบให้สัมปทานปิโตรเลียม แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L1/64 แก่บริษัท ซีเอ็นพีซีเอชเค (ไทยแลนด์) จำกัด พื้นที่รวม 78.90 ตารางกิโลเมตร ในเขตจังหวัดสุโขทัยและกำแพงเพชร ซึ่งการได้ผู้รับสิทธิในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยในการสร้างความต่อเนื่องในการจัดหาปิโตรเลียมภายในประเทศได้ โดยในเบื้องต้นคาดว่าแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าวจะสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 300-400 บาร์เรลต่อวัน และสามารถทดแทนมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบได้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีแรกของการสำรวจจะมีการลงทุนขั้นต่ำภายในประเทศ และผลประโยชน์พิเศษที่รัฐจะได้รับ รวมประมาณ 4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 130 ล้านบาท และหากสามารถพัฒนาแหล่งและผลิตปิโตรเลียม ในแปลงสำรวจปิโตรเลียมดังกล่าวได้ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่รัฐในรูปแบบของค่าภาคหลวงและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้แก่ท้องถิ่นต่อไป
ที่มา: ทริปเปิล เจ คอมมิวนิเคชั่น