รายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Google ที่ร่วมกับ Temasek และ Bain & Company รายงานข้อมูลของประเทศไทยว่า มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดว่าจะสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการเพิ่มขึ้นที่รวดเร็วมาจากอีคอมเมิร์ซที่เติบโตถึง 68% รายงานยังระบุอีกว่า 9 ใน 10 ของ Digital Consumer ชาวไทย เคยซื้อสินค้าออนไลน์แล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 90% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ซึ่งอยู่ที่ 80% นอกจากนี้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (Digital Commerce Confidence Index: DCCI) ฉบับล่าสุดของลาซาด้า ระบุว่า มากกว่าสามในสี่ (76%) ของผู้ขายสินค้าออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมุมมองบวกเกี่ยวกับการเติบโตในอนาคต แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ก็ตาม
คุณธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า "ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ลาซาด้าต้องขอขอบคุณแบรนด์บน LazMall ที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นว่าลาซาด้าเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือในการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพให้แก่นักช้อปไทยทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นพาร์ทเนอร์ออนไลน์สำคัญที่ช่วยต่อยอดธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยแพลตฟอร์มลาซาด้าเอง นอกจากจะมีเครื่องมือการตลาดครอบคลุม 360 องศา และเครื่องมือวิเคราะห์ธุรกิจ (Business Advisor) ให้แบรนด์สามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างแม่นยำแล้ว เรายังมีเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนร้านค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นโซลูชัน Sponsored Affiliate, Sponsored Display พร้อมการออกฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้แก่ผู้บริโภค อาทิ Lazada Bonus หรือ Daily Cashback ที่ช่วยผลักดันให้แบรนด์สามารถสร้างยอดขายและประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มได้อย่างยั่งยืน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือแบรนด์ไทยสามารถสร้างยอดขายอันน่าทึ่งได้ไม่แพ้แบรนด์ระดับโลก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เรามั่นใจว่า LazMall เป็นพื้นที่ที่ช่วยปลุกปั้นแบรนด์ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด สวนกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบัน"
โดยแบรนด์ไทยที่ได้ก้าวเข้ามาเปิดหน้าร้านออนไลน์ที่ LazMall และได้รับกระแสตอบรับดีจากนักช้อป จนติดอันดับแบรนด์ที่สร้างยอดขายอย่างถล่มทลายในช่วงแคมเปญ Lazada 11.11 เมื่อไม่นานมานี้ พร้อมขึ้นแท่นเป็นร้านค้า LazMall ไฟแรงที่สุดในขณะนี้ ได้แก่ แบรนด์เครื่องประดับสุดฮิต RAVIPA Jewelry รวมไปถึง Skinlab ร้านมัลติแบรนด์สโตร์ที่รวบรวมสกินแคร์แบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ และร้าน S-Electric ศูนย์รวมแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำมากมาย โดยแบรนด์เหล่านี้มียอดขายพุ่งกระฉูด แม้ต้องเผชิญวิกฤติโควิด-19 ในวันที่หน้าร้านค้าทั้งหมดต้องถูกปิด ลาซาด้าจึงรวบรวมเรื่องราวความสำเร็จของทั้ง 3 แบรนด์ไทยเหล่านี้ เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่แบรนด์และผู้ขายที่อยากเติบโตบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
หากพูดถึงสร้อยข้อมือมูเตลูสำหรับเสริมดวงที่มาแรงสุดๆ ในตอนนี้ หลายคนต้องรู้จักแบรนด์ "RAVIPA Jewelry" แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติไทยอย่างแน่นอน เห็นได้จากเหล่าเซเลบริตี้รวมถึงนักร้องสาวไทยชื่อดังระดับโลกอย่าง ลิซ่า BLACKPINK ก็ใส่สร้อยข้อมือจาก RAVIPA ด้วยเช่นกัน โดย คุณสา - ธนิสา วีระศักดิ์ศรี เจ้าของแบรนด์ RAVIPA Jewelry กล่าวว่า "จุดเริ่มต้นของ RAVIPA มาจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและหน้าร้านตามห้างสรรพสินค้า จุดเด่นของแบรนด์ คือ การทำสร้อยข้อมือระวิภาที่พระพุทธคุณสายขาวทำการปลุกเสกให้เพื่อเสริมความโชคดี โดยดีไซน์ออกมาให้ใส่ง่าย สวยงามและสามารถสวมใส่ได้ทุกวัน จนเมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา เราจึงตัดสินใจเข้าสู่วงการอีคอมเมิร์ซด้วยการเปิดร้านบนแพลตฟอร์มของลาซาด้า เพราะมองเห็นโอกาสที่ผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าออนไลน์ และสามารถสร้างยอดขายได้เติบโตอย่างรวดเร็วกว่า 7,200% ภายในปีเดียว และทำให้ได้ก้าวมาอยู่ในครอบครัวของ LazMall ซึ่งช่วยในเรื่องความน่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะ LazMall การันตีสินค้าแท้ 100% นอกจากนี้ยังมีแคมเปญให้เข้าร่วมเพื่อกระตุ้นยอดขายตลอด ทำให้รู้ว่าเทศกาลแคมเปญต่างๆ ของลาซาด้าเป็นที่รวบรวมนักช้อปที่มีกำลังซื้อไว้มากกว่าที่เราคิด เห็นได้จากผลตอบรับที่ดีเกินคาด RAVIPA จึงถูกจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ Thai Designer ที่ทำยอดขายมากที่สุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และในเมกะแคมเปญ Lazada 11.11 แบรนด์ยังได้ตำแหน่ง Top 2 ในหมวดสินค้าแฟชั่นอีกด้วย ยิ่งทำให้เราภูมิใจและพร้อมที่จะรังสรรค์สินค้าดีๆ ให้ผู้ซื้ออย่างต่อเนื่อง"
อีกหนึ่งร้านค้า LazMall ที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้กันอย่าง Skinlab ร้านนำเข้าเครื่องสำอางที่รวบรวมสกินแคร์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงโด่งดังในต่างประเทศ อาทิ Zelens, Cosmetics27, Bella Aura, ARgENTUM, Kat Burki โดย คุณโอม - ณัฐพงศ์ นาคทอง ผู้ก่อตั้ง Skinlab เผยว่า "เราคือร้านนำเข้าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะเป็นเสมือนเพื่อนที่เข้าใจ เอาใจใส่ เป็นหนึ่งในความสบายใจเมื่อผู้ซื้อมาซื้อสินค้าในร้าน จากที่เดิมร้านเราขายแบบออฟไลน์ แต่พอมาเจอผลกระทบจากโควิด-19 ที่เป็นโจทย์ว่าเราจะสามารถดูแลลูกค้าของเราให้เหมือนเดิม และเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ไปพร้อมๆ กันได้อย่างไร จนได้ลองเข้ามาเปิดร้านค้าภายใต้ LazMall บนแพลตฟอร์มลาซาด้า และได้เรียนรู้ความแตกต่างว่าอีคอมเมิร์ซ เราไม่ได้เพียงแค่เอาสินค้าไปวางขายในออนไลน์ แต่ลาซาด้าเองก็สนับสนุนและช่วยวางแผนการขายในระยะยาวจากการศึกษาข้อมูลอินไซต์ผู้บริโภค บน Business Advisor มาช่วยวิเคราะห์ โดยภายในปีเดียวร้าน Skinlab สามารถเติบโตขึ้นเกิน 100% โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากถึง 7 หลัก ซึ่งในเมกะแคมเปญ Lazada 11.11 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่เราสามารถทำยอดได้วันเดียวถึง 8 หลัก พร้อมพ่วงตำแหน่ง Top 5 ในหมวด Prestige Skincare อีกด้วย จากความสำเร็จนี้เราเชื่อว่านอกจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว เรายังได้ขยายฐานลูกค้า และทำให้คนทั่วไปรู้จัก Skinlab ได้มากขึ้นอีกเช่นกัน"
ปิดท้ายด้วยร้าน S-Electric ร้านที่รวบรวมแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำจากต่างประเทศไว้กว่า 9 แบรนด์ โดย คุณกอล์ฟ - ภิญญ์พิสิฐ ภัทรโสภณกิตติ์ เจ้าของร้าน S-Electric กล่าวว่า "S-Electric เริ่มเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์กับลาซาด้า หลังจากที่ได้ไปออกอีเวนต์ Electronica Fair at Bitec ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์พาร์ทเนอร์กับลาซาด้าเมื่อปลายปีที่แล้ว งานนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้เปิดร้านค้าภายใต้ LazMall เป็นการต่อยอดจากงานอีเวนต์ที่ผ่านมา และทางร้านมองว่า LazMall เป็นพื้นที่ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับ และมีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ เรื่องของ Traffic หรือ Tools ต่างๆ ในแพลตฟอร์มลาซาด้าก็ตอบโจทย์มากกว่า ส่งผลให้ยอดการขายของเราโตขึ้นมากกว่า 100 ล้านบาท เรียกได้ว่าโตขึ้นคูณสองเกือบทุกเดือน ยิ่งในช่วงวิกฤติโควิด-19 การขายในช่องทางปกติจะได้รับผลกระทบมาก แต่ลาซาด้ายังมีแคมเปญต่างๆ ให้แบรนด์เข้าร่วม เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มจำนวนผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็น Double Digit หรือแคมเปญพิเศษๆ ในแต่ละเดือน รวมไปถึงเมกะแคมเปญอย่าง Lazada 11.11 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นแคมเปญยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ถือเป็นหนึ่งหนทางในการดันยอดขายสินค้าผ่านออนไลน์ให้พุ่งทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ และทำให้ S-Electric ติด Top 10 LazMall Marketplace Sellers ในเมกะแคมเปญ Lazada 11.11 ที่ผ่านมาครับ"
จะเห็นได้ว่าการที่ทั้ง 3 คนได้มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของ LazMall สามารถช่วยสร้างยอดขาย รวมถึงขยายฐานลูกค้าใหม่ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจและความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านค้าที่ LazMall เพราะมีการันตีสินค้าของแท้ 100% รับประกันการคืนสินค้าภายใน 15 วัน และส่งฟรีทั่วไทย ทำให้นักช้อปสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ปิดการขายได้เร็วกว่าเดิม อีกทั้งยังตอบโจทย์ผู้ขายได้เป็นอย่างดี ด้วยการเป็นเสมือนพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ทำงานร่วมกัน โดยลาซาด้าพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในแรงผลักดัน เพื่อช่วยให้แบรนด์และร้านค้าของคนไทยสามารถเติบโตบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เกี่ยวกับลาซาด้า กรุ๊ป
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 ลาซาด้า กรุ๊ป เป็นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ด้วยการนำเสนอธุรกิจการค้าและเทคโนโลยีอันทันสมัย พร้อมระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง และเครือข่ายการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ลาซาด้าได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคทั่วภูมิภาค พร้อมความมุ่งมั่นที่จะให้บริการเหล่านักช็อปออนไลน์กว่า 300 ล้านคนภายในปี 2030 ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา ลาซาด้าได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญของกลุ่มอาลีบาบาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับการขับเคลื่อนโดยโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีระดับโลก
ที่มา: เอ็มเอสแอล กรุ๊ป