เมื่อเร็วๆ นี้พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีส่งมอบยานเกราะล้อยางแบบ 4x4 ให้ราชอาณาจักรภูฏาน จำนวน 15 คัน โดยมี พลเอกพอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม , นายคินซัง ดอร์จิ (H.E. Mr. Kinzang Dorji) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย , พลเอกวรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีส่งมอบ
สำหรับการส่งมอบ ยานเกราะล้อยางแบบ 4x4 ให้ราชอาณาจักรภูฏาน ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม หรือ สทป. และ บริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ซึ่งการส่งมอบยานเกราะล้อยางแบบ 4x4 ให้ราชอาณาจักรภูฏานครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลไทย และ ราชอาณาจักรภูฏาน สอดคล้องกับ รัฐบาลไทยมีนโยบายในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษที่ 11 (S-Curve 11 ) ของรัฐบาลไทย ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้ง สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ มีวัตถุประสงค์หลักในการศึกษา ค้นคว้า วิจัย พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีป้องกันประเทศ รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งงานที่จัดในวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ จะเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัฐบาล จนนำไปสู่การผลิตและจำหน่ายยุทโธปกรณ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ขณะเดียวกัน พลเอกชัยชาญ ยังได้ ขอบคุณรัฐบาลภูฏาน ที่ให้ความเชื่อมั่น และจัดหายุทโธปกรณ์จากประเทศไทย เพื่อใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ และเปิดโอกาสให้ประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติอีกด้วย
ด้าน พลอากาศเอก ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ย้ำว่า การส่งมอบยานเกราะล้อยางแบบ 4x4 ให้กับราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อนำไปใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพในสาธารณรัฐแอฟริกากลางในห้วงเดือนธันวาคมนี้ ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ได้ร่วมกับบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ทำการศึกษา วิจัย และพัฒนา ยานเกราะล้อยางแบบ 4x4 เพื่อผลิตและขายยานเกราะล้อยางให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ มาโดยตลอด
การส่งมอบยานเกราะล้อยางแบบ 4x4 ให้กับราชอาณาจักรภูฏาน ครั้งนี้มั่นใจว่า จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาล และ ภาคเอกชนไทยมีส่วนร่วมในการสนับสนุนภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนภาคเอกชน โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาต่อยอดและเพิ่มขีดความสามารถของทุกภาคฝ่าย ในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เพื่อให้เกิดการพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ที่มา: Nen360