วว. / การยางแห่งประเทศไทย ร่วมพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากชุมชน ส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย

อังคาร ๓๐ พฤศจิกายน ๒๐๒๑ ๑๔:๕๐
ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา   เอี่ยมโชติชวลิต   ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย  (วว.)  กระทรวงการอุดมศึกษา   วิทยาศาสตร์   วิจัยและนวัตกรรม   (อว.)   นายณกรณ์    ตรรกวิรพัท   ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย  (กยท.)  ลงนามความร่วมมือในโครงการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ด้านการอบรม วิจัย พัฒนาและนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน  โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน  3  ปี  มุ่งส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ให้เกษตรกร  สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน  สร้างมูลค่าเพิ่มยางพารา  ร่วมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม  โอกาสนี้ ดร.ประทีป  วงศ์บัณฑิต  รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน  วว. นายพิสิษฐ์  สุขอนันต์     ผอ. สำนักผู้ว่าการ  กยท.   ร่วมเป็นสักขีพยาน  โดยมีผู้บริหารและบุคลากรทั้งสองหน่วยงาน ร่วมเป็นเกียรติ     ร่วมเป็นสักขีพยาน ในวันที่  29  พฤศจิกายน  2564  ณ  ห้องประชุม  สถานีวิจัยลำตะคอง  วว. จังหวัดนครราชสีมา  

ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา   เอี่ยมโชติชวลิต   ผู้ว่าการ วว.   กล่าวว่า  วว. มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญในการบูรณาการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาคุณภาพของผลผลิตยางพาราตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทั้งในด้านการปลูก การเก็บเกี่ยวและการแปรรูป รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง มีผลงานวิจัยระดับประเทศและภูมิภาค  มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการผลิตระดับอุตสาหกรรม  รวมถึงมีความพร้อมของห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน การวิเคราะห์ทดสอบ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ตั้งแต่ระดับห้องปฏิบัติการถึงระดับโรงงานนำทาง นอกจากนี้นักวิจัยและบุคลากรของ วว. ยังมีความรู้ ความสามารถ และความมุ่งมั่นที่จะนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีผลักดันให้เกิดการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม

"...ความร่วมมือและการบูรณาการระหว่าง  กยท. และ วว. ในครั้งนี้ นับเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะร่วมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม  ส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจก  การรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกของสวนยางพารา ตลอดจนการแปรรูป สร้างมูลค่ายางพาราให้เป็นผลิตภัณฑ์  เพิ่มปริมาณการใช้น้ำยางพาราทดแทนยางสังเคราะห์  พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่การผลิต  ซึ่งจะส่งผลให้มีพื้นที่ปลูกต้นยางพารามากขึ้น  ทำให้เพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  เพิ่มพื้นที่สีเขียว  ลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม และมีการส่งเสริมการปลูกพืชเสริม  เช่น  สมุนไพรที่มีความต้องการของตลาดสูง  เพื่อป้อนให้แก่ภาคอุตสาหกรรมในการนำไปสกัดสารสำคัญและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามที่มีมูลค่าสูง   สร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจในชุมชน   ซึ่งจะช่วยยกระดับทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตรของประเทศ  สร้างเศรษฐกิจสีเขียว  ส่งเสริมการยกระดับผลผลิตทางการเกษตร สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร..." ผู้ว่าการ วว. กล่าว

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ กยท. กล่าวว่า กยท. เป็นองค์กรหลักที่รับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการยางพาราของประเทศไทยทั้งระบบอย่างครบวงจร และบทบาทหน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การพัฒนางานวิจัยด้านยางพาราให้เกิดนวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่อสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยางพารา เพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจและตลาด อีกทั้งส่งเสริมการใช้ยางพาราภายในประเทศ ความร่วมมือครั้งนี้จะมีการใช้ทรัพยากรหรือสินทรัพย์ของทั้งสององค์กรร่วมกันในการวิจัยและพัฒนาพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการวิจัยและพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพ บูรณาการ สร้างมูลค่าเพิ่ม และความสามารถในการแข่งขันด้านต่างๆ เพื่อลดต้นทุนที่ซ้ำช้อนขององค์กร ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้กลุ่มเกษตรกร รวทั้งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน

"...ภายใต้กรอบความร่วมมือนี้จะมุ่งเน้นการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตในพื้นที่สวนยางพารา ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยหรือดูดกลับก๊าซเรือนกระจก และที่สำคัญเกษตรกรสามารถนำไปซื้อขายได้ เป็นการเพิ่มรายได้จากสวนยางอีกทางหนึ่ง ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยโครงการนำร่องจะนำสวนยางพาราของ กยท. 20,000 ไร่ ใช้เป็นพื้นที่ต้นแบบศึกษา เพื่อนำข้อมูล ความรู้ที่ได้ มาถ่ายทอดสู่เกษตรกร/สถาบันเกษตรกรซาวสวนยาง ผู้ประกอบกิจการยาง และผู้ที่สนใจทั่วไป ซึ่งในปี 2565 กยท. จะขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ตามมาตรฐานของประเทศไทย ทั้งนี้ เกษตรกรชาวสวนยางจะสามารถเพิ่มรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตในช่วงก่อนเปิดกรีดได้ ควบคู่กับการลดใช้ปุ๋ยเคมีและปัจจัยการผลิตต่างๆ รวมถึงลดการใช้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต หรือการขนส่ง ที่จะส่งผลก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการที่สร้างความร่วมมือระหว่าง กยท.และ วว. ในฐานะที่จะเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินโครงการร่วมกันต่อไป อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศในอนาคต ..." ผู้ว่าการ กยท. กล่าว

ดร.ประทีป  วงศ์บัณฑิต  รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน  วว.  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ  วว. เป็นแกนหลักในการดำเนินงานภายใต้โครงการความร่วมมือดังกล่าว  โดยจะดำเนินงานวิจัย พัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมวัสดุ รวมถึงสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาในภาคอุตสาหกรรม และสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยผ่านการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐาน (shared  service) คือ อาคารถ่ายทอดเทคโนโลยีสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ ตั้งอยู่ที่ สถานีวิจัยลำตะคอง วว. จังหวัดนครราชสีมา เพื่อรองรับการบริการแบบองค์รวม (Total  solution) ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยงานวิจัย ยกระดับการทดลองผลิตเพื่อทดลองตลาดและการวิเคราะห์ทดสอบวัสดุผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ประกอบการ  ภาครัฐภาคเอกชน  และเกษตรกร ในการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ บนพื้นฐานการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด  เพื่อรองรับกการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน อาทิ นวัตกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ ทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์จากน้ำยางและผลิตภัณฑ์จากยางแห้ง

ขอบเขตความร่วมมือของ วว. และ กยท. เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ บูรณาการ สร้างมูลค่าเพิ่มและความสามารถในการแข่งขันในด้านต่างๆ ดังนี้ 1.ใช้ทรัพยากรหรือสินทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจร่วมกัน ทั้งทรัพยากรจากการลงทุนโครงการต่างๆ หรือทรัพยากรที่เป็นสินทรัพย์ เช่น อาคาร เครื่องจักร ที่ดิน ห้องปฏิบัติการ เป็นต้น 2.ด้านการวิจัยและพัฒนา อาทิ ให้มีการดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนาของทั้งสองหน่วยงานทางด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาคุณภาพของผลผลิตยางพารา รวมถึงผลิตภัณฑ์ยางหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับยาง การสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยางหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับยาง ให้มีการสนับสนุนโครงการวิจัยร่วมกันระหว่างสองหน่วยงาน โดยสนับสนุนด้านบุคลากร เครื่องมืออุปกรณ์และผู้เชี่ยวชาญ ให้มีการใช้ห้องปฏิบัติการของทั้งสองหน่วยงาน รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลทาง การวิจัย และการประเมินผลทางการวิจัยร่วมกัน ให้มีการวิจัยและพัฒนาโรงเรือนเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา

ด้านการถ่ายทอดองค์ความรู้และพัฒนาบุคลากรทางการวิจัยและพัฒนา อาทิ ให้มีการร่วมกันพัฒนาบุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน โ ดยการจัดฝึกอบรมและประชุมวิชาการ เพื่อแลกเปลี่ยนหรือถ่ายทอดความรู้ความความเข้าใจด้านเทคนิควิชาการ การถ่ายทอดองค์ความรู้หรือการฝึกอบรม ให้แก่ผู้มีส่วนด้านส่วนเสียของทั้งสองหน่วยงาน โดยการจัดฝึกอบรมและประชุมวิชาการ เพื่อแลกเปลี่ยนหรือถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจด้านเทคนิควิชาการ รวมทั้งนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าไปพัฒนาอาชีพเสริมของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราให้มั่นคงและยั่งยืน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับบริการจาก   ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ  วว.  ติดต่อได้ที่ โทร. 0-2577-900 ,0 2577 9427    โทรสาร  0  2577 9426   E-mail : [email protected]   เว็บไซต์  www.tistr.or.th

ที่มา: สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ