ฟิทช์คงอันดับเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ 'BBB' และ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

พฤหัส ๐๒ ธันวาคม ๒๐๒๑ ๐๙:๔๘
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ที่ 'BBB' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

พร้อมกันนี้ฟิทช์ได้ยกเลิกอันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของธนาคาร เนื่องจากอันดับเครดิตดังกล่าวมิได้มีนัยสำคัญเพียงพอในการติดตามวิเคราะห์อีกต่อไป หลังจากที่มีการปรับเกณฑ์การจัดอันดับเครดิต เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 และสอดคล้องกับประกาศหลักเกณฑ์ใหม่นี้ ฟิทช์ให้อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (Government Support Rating: GSR) แก่ SCB ที่ 'bbb'

รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศของ SCB มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากทั้งอันดับเครดิตสนับสนุนจากทางรัฐบาล และความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวธนาคารเอง ซึ่งสะท้อนโดยอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ที่ 'bbb' นอกจากนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของ SCB ยังรวมการพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารในเชิงเปรียบเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศ

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ SCB ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวนับเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ SCB พิจารณาถึงสภาวะการดำเนินงานในประเทศไทยที่ยังคงมีความท้าทาย โดยสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานได้รับมีคะแนนในการประเมินที่ 'bbb' ทั้งนี้คะแนนตามเกณฑ์ (implied factor score) สำหรับสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานของธนาคารได้อยู่ที่ 'bb' แต่ฟิทช์ได้มีการปรับเพิ่มคะแนนโดยใช้อันดับเครดิตของประเทศไทย ('BBB+'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) เป็นปัจจัยในการพิจารณา ฟิทช์เชื่อว่าการสนับสนุนด้านเสถียรภาพของระบบการเงินจากภาครัฐและการเติบโตของเศรษฐกิจที่แข็งแรงน่าจะช่วยให้ธนาคารสามารถมีผลการดำเนินงานที่มีกำไรอย่างต่อเนื่อง ฟิทช์คาดว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานน่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทย (GDP) น่าจะเติบโตในอัตราที่ 4.8% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของธนาคาร

นอกจากนี้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ SCB ยังสะท้อนถึงโครงสร้างของธุรกิจ (business profile) และความสามารถในการแข่งขันในฐานะหนึ่งในธนาคารชั้นนำของประเทศไทย SCB ดำเนินธุรกิจธนาคารแบบครบวงจรโดยมีความแข็งแกร่งทางการตลาดในหลายผลิตภัณฑ์ เช่น สินเชื่อรายย่อย บริการธุรกรรมทางการเงิน (transactional banking) และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งนี้โครงสร้างธุรกิจของ SCB ได้รับคะแนนที่ 'bbb+' ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของ SCB น่าจะส่งผลให้ธนาคารมีความได้เปรียบที่ต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ

โครงสร้างความเสี่ยง (risk profile; 'bbb') และสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานแสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในด้านกลยุทธ์ โดยเฉพาะกลยุทธ์ในด้านการเติบโตของรายได้ ซึ่งส่งผลให้กลุ่ม SCB มีการปรับโครงสร้างเป็นรูปแบบบริษัทโฮลดิ้งส์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างของ SCB สามารถดูได้จาก "Fitch Ratings: Thailand's Siam Commercial Bank Reorganisation Reflects Industry's Rising Complexity", ลงวันที่ 24 กันยายน 2564

คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร ('bbb-') น่าจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันต่อเนื่อง โดยฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกหลังจากมาตรการช่วยเหลือเริ่มหมดอายุลง ดังนั้นคะแนนสำหรับปัจจัยด้านคุณภาพสินทรัพย์จึงมีแนวโน้มเป็นลบ

อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวน่าจะถูกลดทอนลงได้บ้างจากระดับของสำรองหนี้สูญ (ณ สิ้นงวด 9 เดือนปี 2564: 132%) อีกทั้งธนาคารยังมีหลักประกัน อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของ SCB ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ที่ผ่านมาจากผลกระทบของสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 (ณ สิ้นงวด 9 เดือนปี 2564 ที่ 4.7% เทียบกับ 4.0% ณ สิ้นปี 2562) และฟิทช์ยังคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกอย่างค่อยเป็นค่อยไป อัตราการเติบโตของสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ (ณ สิ้นงวด 9 เดือนปี 2564: 0.8% จากต้นปี 2564) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังในช่วงที่สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานมีความท้าทาย

ฟิทช์มองว่ารายได้และความสามารถในการทำกำไรของ SCB ('bbb-') น่าจะผ่านพ้นจุดต่ำไปแล้วเมื่อปี 2563 โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารได้รับตัวขึ้นเป็น 2.1% ณ สิ้นงวด 9 เดือนปี 2564 (2563: 1.5%) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของค่าใช้จ่ายในตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและการฟื้นตัวของรายได้ และฟิทช์คาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อเนื่องในปี 2565 โดยมีการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยสนับสนุน อย่างไรก็ตามความสามารถในการทำกำไรน่าจะยังคงถูกจำกัดโดยการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่ค่อนข้างสูงต่อเนื่องและแรงกดดันในด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจากสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ

นอกจากนี้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินยังพิจารณาถึงอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ที่อาจปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 15% (ณ สิ้นงวด 9 เดือนปี 2564: 17.3%) หลังจากที่การปรับโครงสร้างของกลุ่มเสร็จสิ้นลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ฟิทช์ให้คะแนน SCB ด้านฐานะเงินกองทุนและระดับหนี้สินที่ 'bbb+' เนื่องจากฟิทช์คาดว่าธนาคารน่าจะรักษาอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้น (CET1) ไว้ในระดับที่สูงกว่า 15% (ซึ่งจะอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับคะแนนตามเกณฑ์ของกลุ่มคะแนน 'bbb' และในระดับที่เทียบเคียงได้กับธนาคารพาณิชย์ไทยในระยะยาว) การประเมินของฟิทช์ยังพิจารณาถึงการที่อัตราส่วน CET1 ถูกคำนวนโดยวิธี standardised approach และการที่ธนาคารมีอัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นหลังหักสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนต่อสินทรัพย์รวมหลังหักสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน (tangible equity/tangible assets) ที่ระดับประมาณ 12% ความสามารถในการการระดมเงินและสภาพคล่องของ SCB ('bbb') ยังคงมีปัจจัยสนับสนุนจากฐานลูกค้ารายย่อยที่แข็งแรง ประกอบกับบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกและออมทรัพย์ที่มีสัดส่วนค่อนข้างสูงที่ 79% ของเงินฝากรวม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล

ฟิทช์พิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลจากการมองว่า SCB มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสสูงที่รัฐบาลจะให้การช่วยเหลือสนับสนุนแก่ธนาคาร SCB มีประวัติยาวนานในฐานะหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีส่วนแบ่งทางการตลาดด้านเงินฝากที่ประมาณ 15% มาเป็นเวลาต่อเนื่อง SCB ได้รับการกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 6 ธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบภายในประเทศ (D-SIB) ซึ่งสะท้อนถึงขนาดและระดับความสัมพันธ์ต่อระบบการเงินในประเทศ อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลยังพิจารณาถึงความสามารถในการให้การสนับสนุนของรัฐบาลไทย ซึ่งบ่งชี้ได้จากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินและอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลพร้อมกันจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน อันดับเครดิตภายในประเทศอาจได้รับการปรับลดอันดับเป็น 'AA(tha)' หากฟิทช์มองว่าโครงสร้างเครดิตของธนาคารอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นในประเทศ

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ SCB อาจได้รับการปรับลดอันดับเป็น 'bbb-' หากฐานะทางการเงินของธนาคารปรับตัวด้อยลงมากกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ ซึ่งอาจสะท้อนได้โดยการปรับลดคะแนนของปัจจัยต่างๆ ที่ใช้พิจารณาอันดับเครดิต ซึ่งรวมถึงคะแนนด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดการณ์อย่างมาก การที่สถานะทางการตลาดของธนาคารไม่สามารถที่จะช่วยให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่เป็นไปตามความคาดหมายและสอดคล้องกับการพิจารณาสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ฟิทช์คาดไว้ และ/หรือ การปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นของระดับความที่ยอมรับได้โดยไม่มีปัจจัยในการจัดการกับความเสี่ยงอย่างเพียงพอ ตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมสูงกว่า 6% (ณ สิ้นงวด 9 เดือนปี 2564: 4.7%) เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง ประกอบกับธนาคารมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ด้อยลง เช่น มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่ต่ำกว่า 13 % รวมทั้งอัตราส่วนสำรองหนี้เสียต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพต่ำกว่า 120% และ/หรือ ไม่สามารถรักษาอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงให้อยู่ในระดับที่สูงกว่า 1.5%

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจถูกปรับลดอันดับหากฟิทช์เชื่อว่าความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารนั้นลดลง เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยถูกปรับลดอันดับ นอกจากนี้การปรับลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดขึ้นได้หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ SCB ลดลง เช่น จากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของระดับความสำคัญของธนาคารที่มีต่อระบบ อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่โอกาสการให้ความช่วยเหลือจากรัฐบาลจะปรับตัวลดลงในระยะปานกลาง

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ SCB อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลหรืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการเปรับเพิ่มอันดับ ทั้งนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของ SCB จะพิจารณาโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ SCB อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น 'bbb+' หากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของธนาคารปรับตัวดีขึ้นมาสอดคล้องกับธนาคารอื่นที่มีอันดับเครดิตสูงกว่าและอยู่ในสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่คล้ายกัน โดยอาจเกิดได้จากโครงสร้างธุรกิจของธนาคารช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ดีกว่าอุตสาหกรรมได้อย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น และอาจสะท้อนได้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวสูงกว่า 2.5% (ณ สิ้นงวด 9 เดือนปี 2564: 2.1%) และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่ต่ำกว่า 3% (ณ สิ้นงวด 9 เดือนปี 2564: 4.7%) โดยที่ยังคงความสามารถในการรองรับความเสี่ยง เช่น การมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่สูงกว่า 16%

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย อาจบ่งชี้ได้ว่ารัฐบาลมีความสามารถเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนธนาคารในประเทศ ซึ่งรวมถึง SCB อย่างไรก็ตามการพิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลต้องคำนึงถึงการที่โอกาสในการให้การสนับสนุนธนาคารว่าจะยังคงอยู่ในระดับเดิม ทั้งนี้หากอันดับเครดิตของประเทศไทยไม่มีการเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ SCB ก็ไม่น่าที่จะเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
คะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ 'bbb' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'อันดับเครดิตของประเทศ'

อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ SCB มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้
SCB:

  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'BBB'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F2'
  • อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ 'bbb'
  • อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล ให้อันดันที่ 'bbb'
  • อันดับเครดิตสนับสนุน ยกเลิกอันดับเครดิต
  • อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ ยกเลิกอันดับเครดิต
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'AA+(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)'
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'BBB'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'AA+(tha)'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'F1+(tha)'

ที่มา: ฟิทช์ เรทติ้งส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version