โดยผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยจากการสำรวจโดย เอบีม คอนซัลติ้ง เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 มีทัศนคติที่ดีและเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่ง (55%) เชื่อว่าการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) คุ้มค่ากว่าการเป็นเจ้าของรถยนต์สันดาปภายในแบบธรรมดาในระยะยาว และเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม (48%) ยังเชื่อว่า BEV มีคุณภาพที่เชื่อถือได้ และ 2 ใน 5 (41%) จะพึงพอใจกับการขับ BEV
นอกจากประสบการณ์ที่ได้รับในการขับขี่แล้ว ความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมและแรงจูงใจในการซื้อก็มีความสำคัญเช่นกัน ผลสำรวจระบุว่า ผู้ขับรถยนต์ 7 ใน 10 คน (71%) เชื่อว่าการซื้อ BEV จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และ 43% เห็นด้วยว่ารัฐบาลควรมีข้อเสนอที่น่าสนใจเพียงพอสำหรับการส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้ BEV
ในทุกๆ ทุกปียอดขาย EV มีจำนวนเพิ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยยอดขายของปี 2564 ถึงแค่เดือนตุลาคม มียอดขายที่สูงกว่ายอดขายของปี 2563 ตลอดทั้งปี และถึงแม้ว่าผู้ขับขี่ชาวไทยจะมีความเชื่อมั่นอย่างมากต่อการเป็นเจ้าของ EV แต่ก็ยังมีเพียง 3% จากผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์ทั้งหมด ที่วางแผนจะซื้อรถครั้งต่อไปภายใน 3 ปีข้างหน้า ที่วางแผนที่จะซื้อ BEV
โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ครอบคลุมถือเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ขับขี่ชาวไทยที่คิดจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยเกือบ 3 ใน 4 (72%) เชื่อว่าสถานีชาร์จสาธารณะมีไม่เพียงพอ และ 67% มีความกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดในระหว่างการเดินทาง และผู้ตอบแบบสอบถามครึ่งหนึ่ง (50%) กังวลว่าการชาร์จจะใช้เวลานานเกินไป และ 2 ใน 3 (66%) ต้องการชาร์จให้เต็มได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อชาวไทยอย่างน้อย 50% มีความเห็นว่าจำเป็นต้องมีพื้นที่ครอบคลุมสถานีชาร์จอย่างน้อย 80% เมื่อเทียบกับปั๊มน้ำมัน ในกรณีที่มีการใช้ EV อย่างแพร่หลาย แต่ปัจจุบันในประเทศไทยมีสถานีชาร์จสาธารณะเพียงแค่1,000 แห่งเท่านั้น เมื่อเทียมเทียบกับสถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่ประมาณ 30,000 แห่ง
นายโจนาธาน วาร์กัส รุยซ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ประจำภูมิภาคอาเซียน บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "ในขณะที่มีการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้เพิ่มขึ้น โครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการชาร์จสำหรับผู้บริโภคถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องดำเนินการควบคู่กัน และในขณะที่สถานีสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตได้ดีในปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างพันธมิตรที่ดีระหว่างผู้ผลิตรถยนต์และผู้ให้บริการด้านพลังงาน และเพื่อเป็นการขยายความร่วมมือดังกล่าว การเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านโครงสร้างพื้นฐานจึงมีความจำเป็น ในเบื้องต้นเรามีเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับจำลองรูปแบบการจราจร ความแออัด ตลอดจนเส้นทางที่ใช้ในการเดินทาง สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะสามารถช่วยระบุตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในกรุงเทพฯ แต่ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ควรต้องเร่งดำเนินการและลงมือทำก่อนที่จะพลาดโอกาสสำคัญ"
ทั้งนี้ เอบีม คอนซัลติ้ง ร่วมกับ Autofleet พันธมิตรของเราเพื่อให้บริการทดสอบการทำงานเสมือนจริงของธุรกิจ EV สำหรับทดสอบประสิทธิภาพของระบบการทำงาน รวมถึงการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ และการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม EV ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของบริการด้าน EV ของ เอบีม คอนซัลติ้ง
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เอบีม คอนซัลติ้ง ประเทศไทย ว่าสามารถช่วยสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจรถยนต์ฟ้าได้อย่างไร โปรดติดต่อ [email protected].
เกี่ยวกับบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง จำกัด โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีทีมงานกว่า 6,600 คน ที่ให้บริการลูกค้ากว่า 1,100 รายทั่วภูมิภาคเอเชีย อเมริกา และยุโรป นับตั้งแต่เปิดให้บริการที่ปรึกษาในประเทศไทยเมื่อปี 2548 บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 400 คน ที่ให้บริการลูกค้ามากกว่า 200 ราย ในประเทศไทย ด้วยความเชี่ยวชาญในบริการด้านBusiness และ Digital Transformation เพื่อช่วยสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ การปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเทคโนโลยี และยกระดับผลการดำเนินงานขององค์กร
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อทางอีเมลที่[email protected] หรือเข้าชมเว็บไซต์ของเราเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.abeam.com/th/en
ที่มา: สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์