WFX เคาะราคาขายไอพีโอ 7.20 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อวันที่ 9-14 ธ.ค. 64 สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

อังคาร ๐๗ ธันวาคม ๒๐๒๑ ๑๖:๒๙
บมจ.เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) เคาะราคาขายไอพีโอ 7.20 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 9-14 ธ.ค. 64 สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของ TRUBB ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน TRUBB (Pre-emptive Right) และวันที่ 15-17 ธ.ค. 64 สำหรับประชาชนทั่วไปที่ปรึกษามือทอง บล.เคทีบีเอสที ระบุเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน มั่นใจกระแสตอบรับดีเยี่ยม นักลงทุนสถาบันสนใจเข้าลงทุนเพียบ มั่นใจอนาคตเติบโตแข็งแกร่ง หลังเดินหน้าขยายกำลังการผลิต พร้อมบุกตลาดใหม่ จ่อขึ้นแท่นผู้นำตลาดโลก กำหนดฤกษ์ดีเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ภายในธันวาคมนี้ ในหมวดแฟชั่น ฟากซีอีโอ "ชวลิต ติยาเดชาชัย" มั่นใจหลังขยายกำลังการผลิตเพิ่มสามารถดันยอดขายพุ่ง หนุนผลงานในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าโตแกร่ง

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ฝ่ายวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (WFX) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้กำหนดราคาขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 142 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น ในราคาหุ้นละ 7.20 บาท โดยกำหนดจากผล Bookbuilding จากนักลงทุนสถาบันจำนวน 3 แห่ง ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 9-14 ธันวาคม 2564 สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของ TRUBB ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน TRUBB (Pre-emptive Right) และวันที่ 15-17 ธ.ค. 64 สำหรับประชาชนทั่วไป และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในธันวาคม 2564นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "WFX" ในหมวดแฟชั่น

สำหรับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TRUBB) ตามสัดส่วนการถือหุ้น TRUBB (Pre-emptive Right) จำนวนไม่เกิน 11,360,000 หุ้น 2.เสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 14,200,000 หุ้น และ 3.เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 116,440,000 หุ้น

"การกำหนดราคาไอพีโอที่ระดับ 7.20 บาท/หุ้น เปรียบเทียบกับบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำตลาดเส้นด้ายยางยืดชั้นนำระดับโลก และในอนาคตมีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากแผนเพิ่มกำลังผลิตขึ้นอีก 14,200 ตัน/ปี จากปัจจุบันกำลังการผลิต 36,000 ตัน/ปี รองรับการขยายตลาดใหม่ สร้างโอกาสในการก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดโลกได้ในอนาคต ซึ่งทำให้นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจหุ้น WFX เป็นอย่างมาก" นายรัฐชัยกล่าวในที่สุด

นายชวลิต ติยาเดชาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (WFX) กล่าวว่า การเข้าระดมทุนและจดทะเบียนใน SET จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตให้กับบริษัทฯ จากการขยายตลาดใหม่ ภายใต้จุดแข็งที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด ไม่ว่าจะเป็นความได้เปรียบของโปรดักส์ที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมทุกขนาด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด

นอกจากนี้ WFX ยังมีความได้เปรียบด้านการเข้าถึงวัตถุดิบ เพราะโรงงานผลิตของบริษัทอยู่ในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ผลิตน้ำยางข้นอันดับ 1 ของโลก ที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเส้นด้ายยางยืด รวมทั้งการที่มี บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TRUBB) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำยางข้นในไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ช่วยให้บริษัทเข้าถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพในปริมาณที่ต้องการ

"มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 1-3 ปี ข้างหน้า จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังจากบริษัทฯ เดินหน้าขยายกำลังการผลิต ซึ่งเฟสแรกมีกำหนดจะผลิตได้ในช่วงกลางปี 2565 จำนวน 6,200 ตัน/ปี และในเดือนมกราคม 2566 จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 6,200 ตัน เพื่อรองรับออเดอร์ลูกค้าในต่างประเทศ ที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก" นายชวลิตล่าวในที่สุด

นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (WFX) กล่าวเสริมถึงเรื่องผลประกอบการของ WFX โดยในงวด 9 เดือนแรกปี 2564 มีการเติบโตที่โดดเด่นมาก โดยมีรายได้รวม 2,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 874 ล้านบาท หรือ 51% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,715 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129 ล้านบาท หรือ 218% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 15.96% และกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 7.27%

ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 2561-2563 มีกำไรสุทธิ 19.22 ล้านบาท 7.72 ล้านบาท และ 57.81 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2561-2563 อยู่ที่ 4.82% 4.76% 7.42% และกำไรสุทธิในปี 2561-2563 อยู่ที่ 1.03% 0.38% 2.40% ตามลำดับ

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของ WFX เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทฯได้มีการใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งในเอเชียใต้ บังคลาเทศ ปากีสถาน เยอรมนี อิตาลี รัสเซีย บราซิล อาเจนตินา และชิลี รวมถึงชิงส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) จากคู่แข่ง จากความได้เปรียบในด้านต้นทุนยางพาราธรรมชาติที่ถูกกว่าคู่แข่ง เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในโลก

ขณะที่สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของปัจจุบันอยู่ที่ 1.12 เท่า ซึ่งภายหลังเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) บริษัทฯมีแผนนำเงินบางส่วนไปใช้คืนหนี้สถาบันการเงิน ทำให้ D/E อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า

ที่มา: เวิลด์เฟล็กซ์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๓ LE โชว์ผลงาน Q3/67 กำไรทะยาน 312% รายได้อยู่ที่ 720 ลบ. ส่งซิก Q4 โตต่อเนื่อง ล่าสุดกอด Backlog แน่น 1,300
๑๗:๕๐ แม็คโคร พัทยา ปรับโฉมใหม่ รองรับกำลังซื้อช่วงไฮซีซั่น พร้อมจัดแคมเปญขอบคุณลูกค้าส่งท้ายปี ส่งมอบความคุ้มค่าทั่วเมืองพัทยา
๑๗:๒๑ ยันม่าร์ โชว์นวัตกรรมการเกษตร ในงานประชุมใหญ่ชาวไร่อ้อยสามัญประจำปี พร้อมฉลองครบรอบ 45 ปี สนับสนุนเงินดาวน์แทรกเตอร์ถึง 3
๑๗:๕๒ CHAYO งบ Q3/67 สุดปังทั้งรายได้และกำไร งวด 9 เดือนรายได้พุ่ง 38.85% มั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20%
๑๗:๔๘ TNP เข้ารับเกียรติบัตร CAC ในฐานะบริษัทฯ ที่ได้รับการต่ออายุรับรองครั้งที่ 2 มุ่งมั่นเป็นองค์กรที่ร่วมต่อต้านคอร์รัปชันในภาคเอกชนไทย
๑๗:๕๙ คริสตัล โฮม ร่วมกับ AXOR จัดเวิร์กชอป The Power of Colors เผยเคล็ดลับดีไซน์ห้องน้ำหรูด้วยสีสันที่โดดเด่น
๑๗:๓๕ ทีเอ็มบีธนชาต ชวนซื้อสลากกาชาดทีทีบี ได้บุญ พร้อมลุ้นโชค 716 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ การให้ บำรุงสภากาชาดไทย
๑๗:๒๕ PRTR ประกาศงบ Q3/67 กำไรนิวไฮอีกครั้ง โตกว่า 14% ธุรกิจ Outsource ดาวเด่น คาด Q4/67 ดีมานด์พุ่ง
๑๗:๔๔ PLUS ส่ง Coco Royal ลุยช่องทางการขายชั้นนำในจีน ดันยอดขายพุ่ง รับออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่ พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังการผลิต
๑๗:๓๘ PRAPAT ฟอร์มแกร่ง! กวาดกำไร Q3/67 โต 77% แตะ 17.49 ล้านบาท รับปัจจัยหนุนจากรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านครัว