นายวันชัย เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) หรือ AKP ผู้บริหารศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม (เตาเผาขยะอุตสาหกรรม) บางปู จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นเตากำจัดกากอุตสาหกรรมอันตราย ด้วยวิธีการเผาด้วยความร้อนสูงที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมแห่งเดียวในประเทศไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2564 (1 ม.ค.-ก.ย.64) ว่า มีกำไรสุทธิ 37.82 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 0.094 บาท ดีขึ้น 280% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.95 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.025 บาท
โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 279.84 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 236.79 ล้านบาท และมีรายได้อื่นเพิ่มเป็น 12.48 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้อื่นอยู่ที่ 2.91 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายรวมลดลงมาอยู่ที่ 44.97 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 45.07 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากทั้งกลุ่มลูกค้าเก่าและกลุ่มลูกค้าใหม่ จึงทำให้มั่นใจว่าตลอดปี 2564 จะมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้คือ 420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10-20% จากปีก่อน และประเด็นสำคัญ คือ การพัฒนาระบบ AKP Customer ที่เข้ามาสนับสนุนการให้บริการลูกค้า ด้วยการใช้คิวอาร์โค้ดเข้าระบบเพื่อดูข้อมูลการกำจัดขยะอุตสาหกรรมของตัวเองในแบบเรียลไทม์ทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันเลือกใช้บริการ, การเข้ารับขยะเพื่อชั่งน้ำหนัก, การจัดเก็บขยะตามประเภท และการกำจัดขยะที่ถูกวิธี ซึ่งสามารถควบคุมการลักลอบทิ้งของเสียอุตสาหกรรมแล้วยังลดขั้นตอนนำส่งข้อมูลให้ลูกค้า ทำให้การจัดการสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังตั้งเป้าลดต้นทุนพลังงานให้ได้ 30% โดยการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์จากพลังงานความร้อนจากการกำจัดของเสียอุตสาหกรรม มาทดแทนการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการขยายตลาดการให้บริการรับกำจัดน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและสารเคมีเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะสารเคมีภาคเกษตรกรรมที่ต้องกำจัดด้วยวิธีการเผาทำลายเท่านั้น
"อัคคีปราการ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 420 ล้านบาท โต 10-20% จากปีก่อน เราเน้นรักษาฐานลูกค้าเก่าควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าใหม่ และที่ผ่านมาในปีนี้ อัคคีปราการ ได้เข้ารับกำจัดสารสไตรีนโรงงานหมิงตี้ ที่เกิดเพลิงไหม้จำนวน 886 ตัน และเผาทำลายสารเสพติดหลายประเภทในปริมาณที่มากกว่าปีก่อน บวกกับรายได้จากบริษัท เอิร์ธเท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (ETC) ที่ อัคคีปราการ ได้เข้าถือหุ้น 7.14% ทำให้เชื่อว่าผลประกอบการปีนี้จะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว" นายวันชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม อัคคีปราการ ยังเน้นทำด้วยธุรกิจด้วยความใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการร่วมดูแลประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงและพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือต่าง ๆ รวมทั้งยังตระหนักและให้ความสำคัญต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อร่วมลดการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้รับการรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) เป็นครั้งที่ 2 มีผลตั้งแต่ 1 กันยายน 2564 ถึง 31 สิงหาคม 2567 ในฐานะเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ดำเนินกิจการบนหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยการคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนการพัฒนาชุมชนและการส่งเสริมเศรษฐกิจของชุมชน โดยพิจารณาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตลอดห่วงโซ่อุปทาน จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร และได้รับการรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศดังกล่าว
ที่มา: อัคคีปราการ