นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ "TKC" ผู้ให้บริการออกแบบ วางระบบ จัดหา จำหน่ายอุปกรณ์ ติดตั้ง และบริการบำรุงรักษาระบบ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิศวกรรมในสายงานระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบความปลอดภัยสาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัทฯ นำเสนอข้อมูลธุรกิจในงานโรดโชว์ ในวันที่ 15 ธันวาคม 2564 เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบเกี่ยวกับรายละเอียดของการดำเนินธุรกิจ จุดเด่น และโอกาสการเติบโตของบริษัทในอนาคต ก่อนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ในช่วงต้นปี 2565
TKC เป็นผู้เชี่ยวชาญและชำนาญด้านการวางระบบเครือข่ายสื่อสารและเทคโนโลยี ดำเนินธุรกิจให้บริการรับเหมาออกแบบ วางระบบ จัดหาอุปกรณ์ ติดตั้ง ทดสอบ และบำรุงรักษาระบบงานวิศวกรรมในสายงานระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และ ระบบความปลอดภัยสาธารณะ โดยบริษัทฯ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์โทรคมนาคม และเครือข่ายสารสนเทศชั้นนำระดับโลก เช่น Huawei, Nokia, Cisco, Verint, Oracle, Netka System, XOVIS, Fortinet เป็นต้น ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
โดยลักษณะการให้บริการแบ่งเป็น 3 กลุ่มงาน ได้แก่ โครงการรับเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project หรือ งานโครงการ) งานบริการวิศวกรรมและงานบำรุงรักษา และงานจัดจำหน่ายอุปกรณ์ โดยบริษัทฯ จัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบความปลอดภัยสาธารณะ สินค้าที่จำหน่ายเป็นสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรทางธุรกิจ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในบริษัทย่อย 2 แห่ง คือ บริษัท ไอบีเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (IBS) และบริษัท พาราไดม์ เทคโนโลยี เซอร์วิส จำกัด (PTS) ซึ่งประกอบธุรกิจที่เสริมธุรกิจของบริษัทฯ โดยโครงสร้างรายได้ในงวด 9 เดือนแรกปี 2564 มาจากงานโครงการมากกว่า 64% รายได้จากงานบริการและบำรุงรักษากว่า 35% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากงานจัดจำหน่าย
ทั้งนี้ TKC อยู่ระหว่างการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 78 ล้านหุ้น คิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ เช่น โครงการเกี่ยวกับระบบโทรคมนาคม ระบบโครงข่ายสื่อสัญญาณ (Transmission Networks) ระบบศูนย์ข้อมูลหลัก ศูนย์ข้อมูลสำรอง ระบบคลาวด์ Smart Solutions ระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัลและระบบตรวจสอบเฝ้าระวังและการบริหารความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Security) รวมถึงงานบริการเพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง เป็นต้น
นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งเสริมศักยภาพการเติบโตของ TKC ด้วยจุดแข็งและกลยุทธ์ ในความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในระยะเวลามากกว่า 18 ปี ที่บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนา ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นธุรกิจหลักที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์การทำงานด้านรับเหมาการสื่อสารและโทรคมนาคม ทำให้เข้าใจอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี อีกทั้ง การเตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากร ผลิตภัณฑ์ และบริการ เพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอนาคต มีระบบการควบคุมบริหารจัดการแต่ละส่วนงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ จากจุดเริ่มต้นในการเป็นผู้รับเหมามาก่อน ทำให้ TKC สามารถบริหารต้นทุนได้ดีกว่าคู่แข่ง และการมีทีมวิศวกรที่มีทักษะในองค์กร ทำให้บริษัทฯ สามารถแข่งขันได้ทั้งในแง่ความสามารถในการบริการและราคา รวมถึงมีการดูแลและการให้บริการหลังการขายที่สร้างความพึงพอใจ และความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น ไว้ใจและกลับมาใช้บริการ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของ TKC ในครั้งนี้ จึงเป็นการสนับสนุนและพัฒนาเปลี่ยนแปลงสู่เทคโนโลยี 5G ตามความต้องการใช้งานทางด้าน IoT AI ระบบคลาวด์ และโซลูชั่นส์อัจฉริยะต่างๆ เป็นต้น เพื่อรองรับโอกาสเติบโตในอนาคต
ตลอดจนผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561 - 2563) บริษัทฯ มีรายได้รวมในปี 2561 - 2563 อยู่ที่ 3,669.65 ล้านบาท 4,907.25 ล้านบาท และ 2,881.92 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 216.50 ล้านบาท 423.03 ล้านบาท และ 232.85 ล้านบาท ตามลำดับ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้รวม 1,832.85 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.04 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 191.07 ล้านบาท
นายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน TKC อยู่ในช่วงของการโรดโชว์นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO กับนักลงทุนรายย่อย โดยคาดว่าจะมีการกำหนดราคา IPO และเสนอขายต่อนักลงทุนทั่วไป ในช่วงต้นปี 2565 ตามแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
การเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจโทรคมนาคม โดยได้รับอานิสงส์จากการสนับสนุนของภาครัฐตามนโยบาย Thailand 4.0 เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ทำให้มีการลงทุนในเทคโนโลยี 5G และการก่อสร้างระบบเครือข่ายและอุปกรณ์สื่อสารชนิดต่างๆ เพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ตามการเติบโตของความต้องการใช้ข้อมูล Non-Voice ที่ขยายตัวจากการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ และรายได้จากธุรกิจ Fixed Broadband ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การบริการที่ประยุกต์ใช้ 5G มีแนวโน้มขยายมากขึ้น เช่น บริการ Cloud Data Center ยานยนต์ไร้คนขับ และ Smart Solutions ต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ การใช้ธุรกรรมออนไลน์ การเก็บข้อมูลและประมวลผลโดยใช้ Cloud การใช้งานอุปกรณ์ IoT ที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้มีความต้องการด้าน Cyber Security มากขึ้นเพื่อป้องกันข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ จึงมองว่า TKC มีความพร้อมในการรับโอกาสในครั้งนี้ เป็นอีกหุ้นคุณภาพที่มีแผนการเติบโตในระยะยาวได้อย่างโดดเด่น สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทซึ่งมีเส้นทางและปัจจัยส่งเสริมการเติบโตที่มั่นคง
ที่มา: ไออาร์ พลัส