นอกจากนี้เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคดิจิทัลและ IoT แอลจีได้พัฒนาแอปพลิเคชัน LG PuriCare Wearable สำหรับผู้ใช้หน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM Gen 2 โดยเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันดังกล่าวบนสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth เพื่อสั่งงานเปิด-ปิด ตรวจสอบข้อมูลการใช้งาน เช่น ระยะเวลาที่สวมใส่หน้ากากฟอกอากาศ และการตรวจเช็คอายุของฟิลเตอร์ HEPA H13 Class เพื่อแจ้งให้ผู้บริโภครู้ว่าควรเปลี่ยนฟิลเตอร์ใหม่เมื่อไร รวมถึงการตรวจสอบข้อมูลอัตราการหายใจที่สามารถแสดงผลในรูปแบบกราฟ ทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปีได้ตามความต้องการ โดยประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการหายใจทั้งหมด ปริมาตรอากาศบริสุทธิ์ที่หายใจเข้าไป รอบการหายใจ (ระยะเวลาเป็นวินาทีต่อการหายใจหนึ่งครั้ง) ไปจนถึงจำนวนครั้งการหายใจต่อวินาที นอกจากนี้ ยังสามารถปรับระดับความแรงของพัดลมภายในหน้ากากฟอกอากาศแอลจีให้เหมาะสมกับกิจกรรมผู้สวมใส่ได้ถึง 6 ระดับ (เงียบ อัตโนมัติ ต่ำ กลาง สูง และเทอร์โบ) และสามารถเปิด-ปิดพร้อมปรับระดับความดังของไมโครโฟนที่อยู่ภายในหน้ากากฟอกอากาศแอลจีได้ 3 ระดับ
แอลจียังสานต่อนวัตกรรมเพื่อการทำงานควบคู่กับหน้ากากฟอกอากาศรุ่นใหม่ ด้วยกล่องฆ่าเชื้อ UV รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อทำความสะอาดหน้ากากฟอกอากาศแอลจีอย่างง่ายดาย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี UVnano ที่กำจัดแบคทีเรียบนพื้นผิวของหน้ากากฟอกอากาศได้ถึง 99.99* เปอร์เซ็นต์ ในเวลาเพียง30 นาที และมีโหมดการเป่าแผ่นกรองให้แห้ง จึงสามารถช่วยกำจัดแบคทีเรีย โดยใช้เวลา 4 ชั่วโมง และสามารถตรวจสอบสถานะการทำงานของกล่องฆ่าเชื้อได้จากไฟด้านหน้า โดยกล่องฆ่าเชื้อ UV รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ สามารถใช้งานได้ทั้งหน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM Gen1 Gen 2 อีกทั้งยังใช้ทำความสะอาดอุปกรณ์ขนาดเล็กอื่นๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ และแว่นตาได้อีกด้วย
นวัตกรรมกล่องฆ่าเชื้อรุ่นล่าสุดจากแอลจีพร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 4,490 บาท และแอปพลิเคชัน LG PuriCare Wearable พร้อมใช้งานได้แล้ว โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้จากทั้ง App Store (IOS) และ Play Store (Android) เป็นภาษาไทยได้แล้ววันนี้
ที่มา: แอลจี-วัน ประเทศไทย