ทั้งนี้จากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่คาดไม่ถึงนับเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าการปรับตัวตลอดเวลาเป็นเรื่องสำคัญ และต้องหมั่นอัพเดตความรู้จากหน่วยงานที่เชี่ยวชาญเพื่อให้เท่าทันกับทุกสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด อันหมายรวมถึงเรื่องการบริหารพอร์ตการลงทุน ซึ่งประเด็นนี้ทาง บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT REIT ได้ให้ความเห็นต่อแนวทางและการปรับตัวด้านการลงทุนเพื่อให้นักลงทุนได้ก้าว เข้าสู่ปี 2565 ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ให้ความเห็นว่า จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่มีปัจจัยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น สิ่งที่นักลงทุนต้องตระหนักอย่างสม่ำเสมอคือเรื่องการกระจายความเสี่ยง ซึ่งมีทั้ง 1) การกระจายความเสี่ยงด้านการเลือกสินทรัพย์เข้าพอร์ตการลงทุน ด้วยการเลือกลงทุนในหลากหลายประเภทของสินทรัพย์ อาทิ พันธบัตร ตราสารหนี้ หุ้น สินทรัพย์ดิจิทัล กองทุนรวม หรือแม้แต่การลงทุนใน REIT ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความเสี่ยงให้ต้องพิจารณาที่แตกต่างกันไป 2) การกระจายความเสี่ยงไปในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เน้นไปในทางกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโต อาทิ ธุรกิจด้านสุขภาพ อุปกรณ์ทางการแพทย์ Logistic และ E-Commerce เป็นต้น
"แนวทางการลงทุนสำหรับกลุ่มนักลงทุนในปี 2565 นอกจากต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการกระจายความเสี่ยงแล้ว ยังต้องคำนึงถึงคุณภาพของทรัพย์สินด้วย ข้อมูลเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การตัดสินใจในการลงทุน มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ถึงแม้เราจะมองว่าความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ แต่เพื่อการลงทุนที่มีคุณภาพและยั่งยืน จะช่วยลดความกังวลในการลงทุน เพราะหากมีความกังวลมากเกินไป อาจส่งให้พอร์ตของเราไม่เติบโต" โดยผู้สนใจเลือกลงทุนใน REIT ซึ่งเป็นการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่หวือหวาเกินไปและไม่ Conservative ถึงขั้นไม่เติบโต ควรพิจารณาเรื่องต่างๆ ดังนี้ 1) ทรัพย์สินที่อยู่ใน REIT เป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพหรือไม่ 2) ทรัพย์สิน ที่อยู่ในพอร์ตของ REIT นั้นๆ เป็นทรัพย์สินในกลุ่มธุรกิจใดและตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งใด เพื่อให้เกิดการกระจายความเสี่ยงมากที่สุด 3) คาแรคเตอร์ของผู้ลงทุนเองที่มีความชื่นชอบ REIT ใน Sector ไหน ลงทุนในทรัพย์สินประเภทใด และสามารถรับความเสี่ยงได้เพียงไร และ 4) ความมั่นคงและผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว จากการบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทรัสต์ ที่มีความเชี่ยวชาญและเชื่อถือได้
สำหรับ PROSPECT REIT หลังการครบรอบ 1 ปีที่จัดตั้ง ถือได้ว่าเป็น REIT ที่สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและทำผลการดำเนินงานจริงได้สูงกว่าเป้าหมายที่ประมาณการ ด้วยแนวทางการบริหารของผู้จัดการกองทรัสต์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความเข้าใจในธุรกิจนี้ในเชิงลึก โดย นางสาวอรอนงค์ กล่าวว่า จากการที่ PROSPECT REIT มีผลการดำเนินงานที่ดีนั้น ได้ส่งผลต่อไปยังการจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยในอัตราที่สูงและสม่ำเสมอด้วยในปีที่ผ่านมา และยังทำให้ผู้ถือหน่วยและนักลงทุนรายใหม่ให้ความเชื่อมันในผลการดำเนินงานสะท้อนผ่านราคาหน่วยของ PROSPECT REIT ที่ไล่ระดับขึ้นมาได้สูงกว่าราคา IPO และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) แล้วในขณะนี้
"สำหรับเป้าหมายในการขยายมูลค่าสินทรัพย์รวม 10,000 ล้านบาทภายใน 3 ปีที่เคยกล่าวไปนั้น ผู้จัดการกองทรัสต์มีแผนมุ่งเน้นหาทรัพย์สินคุณภาพดีเข้ามาเพิ่มเพื่อรองรับการเติบโต ซึ่งการที่ผู้จัดการกองทรัสต์เองที่มีนโยบายการลงทุนแบบอิสระ จึงไม่ได้ผูกติดกับเจ้าของทรัพย์สินรายเดิม (Sponsor) เท่านั้น แต่เรายังมองหาและศึกษาทรัพย์สินจากเจ้าของทรัพย์สินรายอื่นๆ อีกด้วย กลุ่มทรัพย์สินที่เรามองหา จะอยู่ในทำเลที่ดี ไม่ไกลจากศูนย์กลางโลจิสติกส์ โดยจะอยู่ใกล้กับสนามบิน ท่าเรือ และถนนสายหลัก เพื่อความสะดวกต่อการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ" นางสาวอรอนงค์ กล่าว
ดังนั้น การเลือกลงทุนใน REIT นั้นนักลงทุนควรเลือก REIT ที่มีทรัพย์สินคุณภาพดี มีผลการดำเนินงานที่ดี ซึ่งจะช่วยบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุนและทำให้พอร์ตโดยรวมมีความปลอดภัยมากขึ้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนอาจจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความเติบโตและยั่งยืน ไม่ได้หวือหวาเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น.
ที่มา: พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์