โมดูลดังกล่าวใช้เซลล์ HJT รุ่นใหม่ล่าสุดกับเทคโนโลยี Packaging ขั้นสูง โดยเซลล์ HJT มีประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ และโมดูลมี Packaging Loss ต่ำเป็นพิเศษ จึงมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตเซลล์และโมดูล HJT ที่มีอัตราทำงานสองหน้าเกิน 80% มีค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิดีเยี่ยม และมีความน่าเชื่อถือสูงกว่าข้อกำหนดของมาตรฐาน IEC ถึงสามเท่า จึงกลายเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ในการพลิกโฉมการผลิตและส่งมอบพลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ ด้วยจุดแข็งด้านประสิทธิภาพในระดับสูงและกำลังการผลิตไฟฟ้าในระดับสูง เซลล์ HJT จึงมีส่วนแบ่งในตลาดเซลล์แสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
หลิว หยาเฟิง กรรมการอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาของไรเซน เอนเนอร์จี กล่าวว่า "ไรเซน เอนเนอร์จี ทุ่มเทให้กับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์ประสิทธิภาพสูงมาโดยตลอด เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้นและต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ลดลง ผลสำเร็จทั้งหมดเป็นเครื่องสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางเทคนิคของเรา และทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นในการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอนาคต ไรเซน เอนเนอร์จี จะเดินหน้าลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาต่อไป เพื่อคิดค้นและพัฒนาเซลล์และโมดูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยบุกเบิกยุคคาร์บอนเป็นศูนย์ทั่วโลก"