อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงฤดูหนาวบางพื้นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 - 20 องศาเซลเซียส จิ้งหรีดจะชะงักการเจริญเติบโต ตัวจะโตไม่สม่ำเสมอ ไม่ออกไข่ ขยายพันธุ์ไม่ได้ ทำให้รอบการเก็บผลผลิตมีระยะเวลายาวนานขึ้น และที่สำคัญคือ อาจมีจิ้งหรีดตายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตร จึงขอแนะนำให้เกษตรกรให้ความอบอุ่นแก่จิ้งหรีด โดยเทแกลบดิบรองบ่อให้หนากว่าปกติ 1 นิ้ว นำหลอดไฟต่อลงในบ่อเลี้ยงจิ้งหรีด บ่อละ 1 หลอด โดยห้อยด้วยไม้แกนกลาง ให้สูงจากตัวแผงไข่ไก่ที่เป็นที่อยู่ประมาณ 20 เซนติเมตร เปิดไฟที่หลอดเป็นช่วงกลางคืนที่อุณหภูมิเริ่มลดลงจากช่วงเวลากลางวัน เป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง/ครั้ง รวมทั้งการคลุมบ่อด้วยพลาสติก หรือผ้าคลุม เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่จิ้งหรีด จะช่วยป้องกันไม่ให้จิ้งหรีดตาย และสามารถจับจิ้งหรีดจำหน่ายได้ในระยะการเลี้ยงปกติ ทั้งนี้ช่วงฤดูหนาวนี้ จิ้งหรีดจะมีราคาสูง ราคาขายส่งประมาณกิโลกรัมละ 200 บาท
สำหรับพันธุ์จิ้งหรีดที่เกษตรกรนิยมเลี้ยง มี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ทองดำ พันธุ์ทองแดง และพันธุ์ทองแดงลาย หรือสะดิ้ง แต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันคือ พันธุ์ทองดำ มีลักษณะลำตัวสีดำหรือสีน้ำตาลปนดำ กว้างประมาณ 0.7 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร มีลักษณะที่เด่นชัด คือ โคนปีกมีแต้มสีเหลือง 2 จุด ส่วนพันธุ์ทองแดง มีลักษณะลำตัวกว้างประมาณ 0.6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ส่วนหัวเหนือขอบตารวมด้านบนแต่ละด้านมีแถบสีเหลืองอ่อนรูปตัววี หรือหมวกแก๊ป บางพื้นที่เรียกว่าจิฟาง หรือ จินาย และพันธุ์ทองแดงลาย หรือสะดิ้ง เป็นจิ้งหรีดขนาดเล็กกว่าพันธุ์ทองดำและทองแดง มีลำตัวกว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร บางพื้นที่เรียกจิ้งหรีดขาว
ที่มา: กรมส่งเสริมการเกษตร