"คาดว่าหลังจบโควิด ผู้ป่วยทั่วไปเริ่มเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้นและกลับมาใช้บริการ ประกอบกับปัจจุบันเรามีแพทย์เฉพาะทางเก่งๆ ทำให้คนไข้เชื่อมั่นมากขึ้น และยกระดับไปยังกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยมที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทประกัน ได้หันมาใช้บริการโรงพยาบาลระดับกลางมากขึ้นเป็นอีกทางเลือกให้ลูกค้า" ดร.อังกูร กล่าว
ขณะที่กลุ่มคนไข้ประกันสังคมปัจจุบันอยู่ที่ 170,000 คน ในปี 2565 LPH จะได้โควต้าเพิ่มอีก 30,000 คน คาดว่ายอดคนไข้ประกันสังคมปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 190,000 คน โดยรายได้จากประกันสังคมและโควต้า คงเพิ่มไม่มากหากเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 5% จากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2565 บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับก่อสร้างอาคารใหม่ 3 อาคาร โดยแบ่งเป็นอาคารจอดรถอัจฉริยะ 300 คัน มูลค่าราว 60 ล้านบาท ในเดือนมกราคม 2565 เตรียมลงฐานราก คาดว่าใช้เวลาก่อสร้าง 6 เดือน และก่อสร้างอีก 2 อาคาร พื้นที่อาคารรวมประมาณ 10,000 ตารางเมตร จำนวนเตียงเพิ่มขึ้น 50 เตียง เพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านตา และโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านศัลยกรรมและศูนย์โรคหัวใจ มูลค่าราว 400-500 ล้านบาทแต่ละอาคาร คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2566 และเปิดให้บริการปี 2567 การลงทุนโรงพยาบาลเฉพาะทาง ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการรักษาพยาบาลให้สูงขึ้น
นอกจากนี้ LPH ยังมีแผนลงทุนขยายโรงพยาบาลตรวจสุขภาพอีก 3 แห่ง ใช้เงินลงทุนแห่งละ 15-20 ล้านบาท โดยเล็งพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งกำลังศึกษาพื้นที่ในภาคเหนือ เช่น จังหวัดลำพูน ลำปาง แพร่ เชียงราย เป็นต้น ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะใช้โมเดลเดียวกับการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของโรงพยาบาลเอกชน ในจังหวัดอยุธยา คือ โรงพยาบาลเอเชีย ที่ LPH ถือหุ้นประมาณ 50% ส่วนที่เหลือก็ให้แพทย์ พนักงาน สถานประกอบการ โรงงาน คนท้องถิ่น ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการถือหุ้น ทั้งนี้ รายได้หลักของโรงพยาบาลฯ คือ ห้องพยาบาล บริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ ซึ่งตามกฎหมายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องตรวจสุขภาพพนักงานทุกปี และต้องมีการตรวจด้านอาชีวอนามัย เป็นต้น
"การลงทุนดังกล่าวเพื่อขยายธุรกิจด้านการให้บริการตรวจวิเคราะห์และวิจัยพัฒนาด้านการแพทย์ ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้กับบริษัท และสถานพยาบาลต่างๆ รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปี และการตรวจอาชีวอนามัยให้กับกิจการและผู้ใช้บริการทั่วไป อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจด้านสุขภาพซึ่งเป็นธุรกิจที่สอดคล้องและสนับสนุนธุรกิจโรงพยาบาลของบริษัท" ดร.อังกูร กล่าว
ส่วนแนวโน้มรายได้รวมทั้งปี 2564 คาดว่าจะเติบโตราว 25-30% ซึ่งสูงกว่าเป้าเดิมที่คาดไว้ราว 15-20% จากปีก่อน รวมถึงกำไรสุทธิคาดว่าจะทำสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) นับตั้งแต่ก่อตั้งโรงพยาบาลมากว่า 28 ปี
สำหรับ ความคืบหน้าในการนำ บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (AMARC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดจะเห็นความคืบหน้า ภายในปี 2565 โดยบริษัทได้ยื่นไฟลิ่งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว
ที่มา: ไออาร์ พลัส