นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด บริษัทในเครือหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท โนวา ออร์แกนิค จำกัด (มหาชน) หรือ NV เปิดเผยว่า สำหรับการเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค / ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ในวันแรกของ NV ราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 6.80 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาจองซื้อที่ 6.90 บาทนั้น เนื่องจากภาวะตลาดยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทำให้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อการลงทุนประกอบกับใกล้ช่วงหยุดยาวจึงทำให้มีปริมาณการซื้อขาย (วอลลุ่ม) ไม่คึกคักเท่าที่ควร แต่ทั้งนี้ ยังมีความเชื่อมั่นว่าจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ และความสามารถในการทำกำไรและอัตราการเติบโตของบริษัทฯ ในปีหน้าที่คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นนั้น ราคาหุ้นที่กำหนดนั้นมีความเหมาะสม และมีความน่าสนใจต่อการลงทุน
"เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นและนักลงทุนมีความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของ โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีวอลลุ่มเข้ามาน้อย จึงทำให้ราคาเปิดตลาดต่ำกว่าราคาจองซื้อ แต่จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแร่งของบริษัทฯ จึงมั่นใจว่าราคาหุ้นที่กำหนดนั้นมีความเหมาะสมและน่าลงทุน รวมถึงหุ้น NV จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว" นายเอกจักร กล่าว
นายนวพล จันทร์จุฑามาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนวา ออร์แกนิค จำกัด (มหาชน) หรือ NV กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารบริษัทฯ มีความยินดีและขอขอบคุณนักลงทุน ที่สนับสนุนและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฯ ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานของบริษัทฯ ให้มีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ สร้างความมั่นใจกับลูกค้าและผู้บริโภคได้อีกช่องทางหนึ่ง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินว่าแนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในสถานการณ์ในปัจจุบัน ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยคาดว่าในปีหน้าจะสามารถสร้างรายได้เติบโตที่ประมาณ 1,200 - 1,300 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 15-20% เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนที่จะกลับมาทำการตลาดผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าเพิ่มมากขึ้น หลังผู้ประกอบการรายอื่นๆ เริ่มกลับมารุกตลาดและลงโฆษณาเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มีแผนที่จะทำตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อเพิ่มเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการดูแลใส่ใจตัวเอง ควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตแบบวิถีสุขภาพดี เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศและขยายตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้เติบโตยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในปีหน้า เพื่อดันยอดขายให้เติบโตอต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มลูกค้าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้ได้อีก 1 ล้านรายภายในปีหน้าในทุกช่องทาง โดยเฉพาะจากช่องทางการจำหน่ายผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales) ซึ่งปี 2565 บริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานขายทางโทรศัพท์เพิ่มเป็น 500 คน จากปัจจุบันมีจำนวน 150 คน
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะขยายรายได้เพิ่มในส่วนของธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า หรือ OEM ให้กับผู้ประกอบการ โดยบริษัทฯตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่มาจาก OEM ประมาณ 5% จากรายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ รวมทั้งเปิดตัวโรงสกัดสมุนไพรภายในปี 2565
" หุ้น NV ถือว่าเป็นหุ้นเมกะเทรนด์ ที่มีความมั่นคงและโอกาสทางธุรกิจสูง เนื่องจากผู้บริโภคหันมาสนใจสุขภาพ ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีเพิ่มมากขึ้น หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยหวังว่า หุ้น NV จะได้รับการสนับสนุนและได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นายนวพล กล่าว
ที่มา: เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น