นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า การจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 เพื่อขอมติผู้ถือหุ้นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) ในวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้น AIT มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท ส่งผลให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 1,031,604,485 หุ้น จากเดิมที่ 206,320,897 หุ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหุ้น รวมถึงสามารถเพิ่มการกระจายการถือหุ้น AIT ไปยังผู้ลงทุนได้กว้างขวางขึ้น และทำให้หุ้นของบริษัทฯ มีสภาพคล่องในตลาดมากขึ้น ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะต้องยื่นเอกสารต่างๆตามกฎหมาย โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ราคาพาร์ใหม่ได้ในวันที่ 4 มกราคม 2565 นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ได้มีมติอนุมัติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (AIT-W2) จำนวนไม่เกิน 515,802,242 หน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) โดยมีอัตราการจัดสรรเท่ากับ 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ (หากมีเศษจากการคำนวณตามอัตราการจัดสรรให้ปัดเศษทิ้ง) ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวจะมีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ออก และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น โดยราคาใช้สิทธิเท่ากับ 2 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ AIT-W2 (Record Date) ในวันที่ 10 มกราคม 2565
พร้อมกันนี้ ได้มีมติเห็นชอบให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวนไม่เกิน 515,802,242 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,031,604,485 บาท รวมเป็น 1,547,406,727 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 515,802,242 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างความยืดหยุ่นทางการเงิน ในการสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ เมื่อมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ
ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวว่า บริษัทฯคาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2564 จะเติบโตมากกว่าเป้าหมายรายได้ที่กำหนดไว้ราว 6,500 ล้านบาท โดยใน 9 เดือนแรกของปี บริษัทฯ ทำรายได้จากงบเฉพาะกิจการได้แล้วกว่า 5,414 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 380 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2564 บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 7,600 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกประมาณ 285 ล้านบาท
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย