ดร.สิทธิวัตน์ กำกัดวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ จำกัด (มหาชน) หรือ IMH เปิดเผยว่า ทาง IMH มีความพร้อม 100% ในการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด เชื้อกลายพันธุ์ใหม่ "โคมิครอน" ทั้งการตรวจโควิด และการรักษาคนไข้โควิดแบบครบวงจร ทั้งนี้ การระบาดในวงกว้างของ "โอมิครอน" ในรอบนี้ จะส่งผลให้คนไข้โควิด ในระบบสาธารณสุขของประเทศไทยเพิ่มขึ้น กว่า 10,000 - 30,000 คนต่อวัน พร้อมทั้งอาจจะก่อให้เกิดผลร้ายแรงต่อคนไข้ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง อาทิ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคอ้วน เป็นต้น ส่งผลให้จากการประเมินของกระทรวงสาธารณสุข หากไม่มีการจัดการที่ดีอาจส่งผลให้เตียงคนไข้มีไม่เพียงพอ
และจากประเด็นในขั้นต้น IMH จึงมีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระลอกนี้ โดยล่าสุด IMH ได้เข้าเจรจากับ supplier เพื่อนำเข้าชุดตรวจโควิดแบบใหม่ "Flowflex" ATK ซึ่งมีความ ไว (Sensitivity) ในการตรวจจับไวรัสโควิด 6 สายพันธุ์ คือ B.1.160 (สายพันธุ์ดั้งเดิมในสหราชอาณาจักร) และสายพันธุ์น่ากังวล (VOC) ทั้ง 5 สายพันธุ์ คือ อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา และ "โอมิครอน" ซึ่งสามารถตรวจจับ "โอมิครอน" ได้อย่างรวดเร็ว โดยจะตรวจพบ "โอมิครอน" ได้แม้เชื้อมีความเข้มข้นเพียง 270 PFU/ml (2.43 log10 PFU/ml) ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยในการตรวจเชื้อกลายพันธุ์ "โอมิครอน" ได้อย่างรวดเร็ว และ จะสามารถสกัดการแพร่ระบาดของ "โอมิครอน" ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ตั้งแต่ม.ค. 65 เป็นต้นไป IMH จะเริ่มเปิดให้บริการตรวจโควิดแบบใหม่ "Flowflex" ATK และออกใบรับรองผลโควิด ได้ทั้ง ลูกค้า Walk in และให้บริการตรวจนอกสถานที่ ถึง บริษัท/โรงงาน เพื่อให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าที่กลับเข้าทำงาน และ เพื่อการเดินทาง ซึ่งจะเป็นวิธีทำให้การดำเนินชีวิตตามปกติ ได้อย่างปลอดภัยและ เกิดมั่นใจแก่ตนเองและคนที่ติดต่อรอบข้าง
ขณะที่ โรงพยาบาล ประชาพัฒน์ ซึ่งเป็นบริษัทลูก มีความพร้อมที่จะรับมือกับปริมาณคนไข้ ที่จะเข้ามารักษาโควิด ทั้งทางติดต่อโดยตรงกับทางโรงพยาบาลประชาพัฒน์ และ ผ่านการตรวจ "Flowflex" ATK โดยหน่วยบุคลากรการแพทย์ ของ โรงพยาบาล อินเตอร์เมดฯ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ โดยที่ผ่านมา โรงพยาบาลประชาพัฒน์ มีประสบการณ์ ในการบริหารจัดการคนไข้โควิด ในปี 2564 ได้เป็นอย่างดี ตลอดจน ได้เตรียมศูนย์พักคอยเขตราษฎร์บูรณะฯ จำนวน 200 เตียงสนาม และ 9 เตียงความดันลบเพื่อเปิดรับคนไข้
ดร. สิทธิวัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับภาพรวมในปี65 ทางกลุ่ม IMH คาดว่ารายได้รวมจะทำนิวไฮ เกินระดับ 1,200 ล้านบาท และจะสามารถบริหารต้นทุนรวมได้ต่ำลงเมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา จากการ synergy ระหว่าง โรงพยาบาล อินเตอร์เมดฯ (บริษัทแม่)และ โรงพยาบาลประขาพัฒน์ (บริษัทลูก) ทั้งนี้ ยังไม่รวมดีลขยายธุรกิจโรงพยาบาล ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นใน ช่วงไตรมาส1/65 อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา และคาดว่าจะให้ข้อสรุปในเร็วๆนี้
ด้าน บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า ที่ผ่านมา IMH ได้รับอานิสงส์ จากการตรวจและรักษาโควิด รวมถึงผลจากการควบรวมกิจการ (M&A) ส่งผลให้กำไรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ จึงแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเหมาะสม 19.20 บาท
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์