"แอสเซทไวส์" ปิด 2 ดีลใหญ่ไทย-เทศ ประเดิมต้นปี ร่วมทุน "ทาคาระ เลเบ็น" บิ๊กอสังหาฯ ญี่ปุ่น พัฒนาคอนโดใหม่ 'แอทโมซ บางนา' พร้อมเข้าซื้อกิจการ "แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน" คว้าคอนโดทำเลทองเข้าพอร์ต เสริมความแข็งแกร่ง ผงาดรับปีเสือ

อังคาร ๑๑ มกราคม ๒๐๒๒ ๐๘:๒๘
เปิดปี 2565 "แอสเซทไวส์" เดินหน้าจับมือพันธมิตรใหม่ "ทาคาระ เลเบ็น" ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมายาวนานถึงครึ่งศตวรรษ ลุยพัฒนาคอนโดย่านบางนา โครงการแรก "แอทโมซ บางนา" มูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาท
แอสเซทไวส์ ปิด 2 ดีลใหญ่ไทย-เทศ ประเดิมต้นปี ร่วมทุน ทาคาระ เลเบ็น บิ๊กอสังหาฯ ญี่ปุ่น พัฒนาคอนโดใหม่ 'แอทโมซ บางนา' พร้อมเข้าซื้อกิจการ แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน คว้าคอนโดทำเลทองเข้าพอร์ต เสริมความแข็งแกร่ง ผงาดรับปีเสือ
  • นอกจากนี้ แอสเซทไวส์ ยังเข้าซื้อกิจการ แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน โดยหลังจากเข้าซื้อแล้ว จะเป็นผู้บริหารโครงการ "Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan" คอนโดระดับกลาง-บน ในทำเลฮ็อต ใจกลางรัชดา-สุทธิสาร โครงการใหม่เอี่ยมเตรียมแล้วเสร็จต้นปี'65  

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ ด้วยแนวคิด "ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ" หรือ "We build Happiness" เปิดเผยว่า บริษัทถือฤกษ์ดีเปิดศักราชใหม่ปีเสือ ทำข้อตกลงครั้งสำคัญพร้อมกันถึง 2 รายการ โดยได้เข้าร่วมทุนกับบริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกัน นอกจากนี้ แอสเซทไวส์ ยังได้เข้าซื้อกิจการบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน เจ้าของโครงการแม็กซี่ ไพร์ม รัชดา - สุทธิสาร นับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้แอสเซทไวส์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อรับวัฏจักรเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2565

"ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะเดินเกมรุกอย่างเต็มที่ โดยใช้กลยุทธ์การเพิ่มพันธมิตรระดับโลกเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ไปพร้อมกับการลดความเสี่ยงและเวลาในการพัฒนาโครงการเอง โดยการขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อกิจการในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นเหมือนการขึ้นทางด่วนนำพาบริษัทไปถึงเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ได้เร็วขึ้น" นายกรมเชษฐ์ กล่าว

สำหรับการร่วมทุนกับบริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด นั้น จะประเดิมโครงการแรกร่วมกัน มูลค่ากว่า 2,200 ล้านบาท เป็นโครงการบนทำเลใหม่ NEW CBD คือ โครงการ แอทโมซ บางนา ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ขนาดใหญ่บนทำเลศักยภาพย่านบางนาที่กำลังเติบโต ใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีเหลือง    ติดถนนใหญ่เส้นบางนา-ตราด โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ ทาคาระ เลเบ็น ถือหุ้นในสัดส่วน 49%

บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวมากว่า 500 โครงการ ทั้งยังประกอบธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโรงแรมในญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อปี   พ.ศ. 2515 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเมื่อปี พ.ศ. 2547 และจะดำเนินธุรกิจครบ 50 ปีในปีนี้ 

นายคาซูอิชิ ชิมาดะ (Kazuichi Shimada) CEO บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด กล่าวว่า บริษัทมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโต โดยแอสเซทไวส์ เป็นบริษัทมหาชนที่มีความมั่นคงและอนาคตไกลในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย พิสูจน์ได้จากทั้งคุณภาพของโครงการ และความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจตรงกัน คือ ยึดมั่นในการออกแบบความสุขเพื่อการอยู่อาศัย บริษัทจึงมั่นใจและตัดสินใจร่วมทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

ทั้งนี้ ทาคาระ เลเบ็น มองว่า การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตมากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย เนื่องจากปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ตลอดจนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ดังนั้นการร่วมทุนกับแอสเซทไวส์ เพื่อพัฒนาโครงการแอทโมซ บางนา ในครั้งนี้ จะถือเป็นการวางรากฐานของบริษัทในระยะยาว สู่การเติบโตที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย

นอกเหนือจากการร่วมทุนครั้งสำคัญแล้ว แอสเซทไวส์ยังมีอีกก้าวสำคัญ โดย นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ บริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะได้รับโครงการ แม็กซี่ ไพร์ม รัชดา - สุทธิสาร (Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan) ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทองใจกลางรัชดา - สุทธิสาร เข้ามาอยู่ในพอร์ตด้วย โดยโครงการนี้ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี  สอดคล้องกับหลักการพัฒนาโครงการของแอสเซทไวส์ คือ เน้นสร้างความสุขในการอยู่อาศัย ผ่านทั้งตัวโครงการที่ดี การออกแบบห้องพักที่สวยงามลงตัว และการมอบความสุขด้วยส่วนกลาง (Facility) ที่มอบให้อย่างเต็มที่ เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมในระดับ Affordable ด้วยกัน

"โครงการนี้มีมูลค่า 570 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 1 อาคาร มีทั้งหมด 218 ยูนิต ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีสุทธิสาร ประมาณ 400 เมตรเท่านั้น ทำเลดี อยู่ในพื้นที่ชุมชน แหล่งงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งยังอยู่ใกล้กับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี 2565 เบื้องต้นการพัฒนาโครงการแล้วเสร็จไปกว่า 83% มีกำหนดจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งหมายความว่าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงและระยะเวลาในการพัฒนาโครงการ ทั้งยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะได้อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) สูงกว่าการพัฒนาโครงการเองจากที่ดินเปล่า" นายกรมเชษฐ์ กล่าว

นายกรมเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่บริษัทฯ ปิดทั้ง 2 ดีลใหญ่ในช่วงต้นปี 2565 นี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่สำหรับก้าวใหม่ของบริษัทฯ และยังเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะทำให้รายได้และการเติบโตในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างแข็งแกร่งอีกด้วย

ที่มา: Extravaganza PR

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ