กำธร ศิลาอ่อน กรรมการผู้จัดการใหญ่สายการผลิตและการเงิน บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท กล่าวถึงการลงทุนครั้งสำคัญนี้ว่า "ในฐานะองค์กรภาคธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเบเกอรี่ เอส แอนด์ พี เราตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสมดุลของสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
โดยในปี 2559 เอส แอนด์ พี ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เฟส 1 ขนาด 510 กิโลวัตต์ บนพื้นที่ของหลังคาโรงงานขนาด 2,700 ตร.ม. ซึ่งสามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตเบเกอรี่ เอส แอนด์ พี ได้แก่ เค้กกล้วยหอม บัทเทอร์เค้ก มาร์เบิ้ลเค้ก พัฟ พาย คุ้กกี้ พิซซ่า ขนมปังเนยสด ขนมปุยฝ้าย และขนมไหว้พระจันทร์ ไปแล้วน้ำหนักรวมกว่า 3,942 ตัน ด้วยกำลังไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวม 4.05 ล้านหน่วย
สำหรับปี 2564 นี้ เอส แอนด์ พี ขยายพื้นที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เฟส 2 ขนาดรวม 997.5 กิโลวัตต์ บนพื้นที่ของหลังคาโรงงานขนาด 4,990 ตารางเมตร ซึ่งจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละ 1.35 ล้านหน่วยโดยประมาณ คิดเป็นสัดส่วนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตเบเกอรี่เอส แอนด์ พี ได้ถึง 35-40% จากอัตราการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของโรงงานเบเกอรี่บางนา-ตราด กม23.5 โดยเฉพาะในช่วง เดือนเมษายน-พฤษภาคม จะสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าในการผลิตเบเกอรี่ได้สูงสุดถึง 43% นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยลดความร้อนให้แก่ตัวอาคาร ซึ่งเป็นการลดภาระของเครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็นได้อีกด้วย
ดังนั้น การติดตั้งโครงการ "Solar Roof" ณ โรงงานเบเกอรี่ เอส แอนด์ พี นอกจากจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าแล้ว ยังเป็นการช่วยโลกลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ของภาคธุรกิจได้ถึง 710 Ton CO2e ต่อปี หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 60,000 ต้นต่อปีโดยประมาณ"
เอส แอนด์ พี มีความมุ่งมั่นในการยกระดับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการส่งเสริมการผลิตเบเกอรี่รักษ์โลกจากพลังงานทางเลือก ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะโลกร้อน เพื่อช่วยกันดูแลโลกของเราให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
ที่มา: เอส แอนด์ พี