กสร. มุ่งแรงงานสัมพันธ์เชิงรุกลดปัญหาการเลิกจ้าง และข้อพิพาทแรงงาน

พฤหัส ๑๓ มกราคม ๒๐๒๒ ๐๙:๑๒
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานขานรับนโยบายลดปัญหาการเลิกจ้าง และข้อพิพาทแรงงาน ในช่วงภาวะวิกฤติ COVID - 19 นำระบบการบริหารจัดการแรงงานสัมพันธ์เชิงรุกป้อนสถานประกอบกิจการ ผ่านกลไกศูนย์ปฏิบัติการแรงงานสัมพันธ์ระดับภูมิภาค
กสร. มุ่งแรงงานสัมพันธ์เชิงรุกลดปัญหาการเลิกจ้าง และข้อพิพาทแรงงาน

นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่ (Disruptive Technology) ส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจ้างงานตามโลกยุคดิจิทัล ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นหลักในการทำงาน ซึ่งกระทบต่อการบริหารกิจการของนายจ้าง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างของลูกจ้างอย่างรุนแรง มีการเลิกจ้างลูกจ้างเพิ่มขึ้น รวมทั้งการจ้างงานที่มีแนวโน้มมีความขัดแย้งระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจไทยภายใต้บริบทใหม่ (New Normal) ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้เล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยมอบนโยบายส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์เชิงรุกในภาวะวิกฤตภายใต้บริบทใหม่ (New Normal) ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานดำเนินการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง เพื่อลดปัญหาการเลิกจ้าง โดยใช้มาตรการและแนวทางบรรเทาปัญหาการเลิกจ้าง ให้การเลิกจ้างลูกจ้างเป็นหนทางสุดท้าย รวมทั้งเพื่อลดปัญหาข้อขัดแย้ง ข้อพิพาทแรงงาน ทำให้เกิดความร่วมมือแก้ไขปัญหาในสถานประกอบกิจการด้วยระบบทวิภาคี โดยใช้หลักสุจริตใจในการปรึกษาหารือร่วมกัน รวมถึงการช่วยเหลือเยียวยาได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงหากเกิดผลกระทบจากปัญหาข้อขัดแย้งและการเลิกจ้าง

อธิบดี กสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้จัดประชุมศูนย์ปฏิบัติการแรงงานสัมพันธ์ระดับภูมิภาค เพื่อให้เป็นกลไกในการสร้างภาคีเครือข่ายแรงงานสัมพันธ์เข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมและสถานประกอบกิจการในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ โดยส่งเสริมและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง และองค์กรแรงงานในสถานประกอบกิจการให้รับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะและร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสถานประกอบกิจการ พร้อมทั้งแสดงความมุ่งมั่นนำการบริหารแรงงานสัมพันธ์ที่ดีด้วยระบบทวิภาคี เพื่ออยู่ร่วมกันแบบสมานฉันท์ มีความรับผิดชอบบนพื้นฐานของการทำงานร่วมกันภายใต้กฎหมายซึ่งจะทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศสืบไป

ที่มา: กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๐๔ มูลนิธิสัมมาชีพมอบรางวัล 'เกรียงไกร' ประธาน ส.อ.ท.บุคคลต้นแบบสัมมาชีพ ปี'67เตรียมจัดงานมอบรางวัล 17 ธ.ค.
๑๓:๒๙ Kaspersky ระบุ แรนซัมแวร์ยังโจมตีธุรกิจในอาเซียนต่อเนื่อง ไทยรั้งอันดับสาม
๑๓:๔๔ Maxim เพิ่มความปลอดภัยระหว่างการเดินทางด้วยฟีเจอร์ในแอป
๑๓:๐๐ สคร.12 สงขลา เตือน แอมโมเนียรั่วไหล อุบัติภัยจากโรงงานผลิตน้ำแข็งและห้องเย็น
๑๓:๓๑ MEDEZE ชี้ตัวเลขจัดเก็บ Stem Cell ทั่วโลกเติบโต ยืนยันดำเนินธุรกิจตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
๑๓:๐๔ ทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพ ข้าวสาร นำเสนอโปรโมชั่นวันลอยกระทง
๑๓:๕๘ เลขาอารี เปิดการแข่งขัน HAB Thailand หนุนอาชีพด้านสุขภาพและความงาม พัฒนาทักษะแรงงานไทยสู่มาตรฐานสากล
๑๓:๔๕ ETL มั่นใจธุรกิจขนส่งยังสดใส หนุนรายได้ปีนี้โตต่อเนื่อง ยอมรับบาทอ่อนและราคาน้ำมันมาเลฯส่งผลกระทบ Q3
๑๓:๒๙ จุฬาฯ เชิญร่วมงาน กายภาพบำบัด ศาสตร์แห่งการฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต ครบครันความรู้เพื่อสุขภาพคนไทยทุกช่วงวัย
๑๓:๕๖ Sunplay Asia แถลงข่าวแนวคิดที่อยู่อาศัยเพื่อสังคมคุณภาพ: ยกระดับการอยู่อาศัยด้วยแนวคิด Environmental/Rehabilitation Sustainable