กรรมการปฏิรูปฯ การศึกษา ชี้โจทย์ปี 65 เร่งเพิ่มทักษะ 'ครูอาชีวะ' ย้ำโมเดล 3 ประสาน "รัฐ - ภาคการศึกษา - เอกชน"

พฤหัส ๑๓ มกราคม ๒๐๒๒ ๑๑:๐๖
รศ. ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา แนะภาครัฐ ภาคการศึกษา และเอกชน จับมือพัฒนาศักยภาพการผลิตครูอาชีวะผ่านระบบ "เทรนนิง" (Training) เพื่อเสริมทักษะให้กับครูอาชีวะเท่าทันโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่ทั้งความรู้ด้านวิชาการและทักษะทางวิชาชีพในอุตสาหกรรม พร้อมหนุนแนวคิดแปลงครูเป็นฟาซิลิเทเทอร์ (Facilitator) ทำหน้าที่ช่วยชี้แนะนักเรียนทั้งความรู้และทักษะร่วมกับสถานประกอบการ ในการพัฒนานักเรียน/นักศึกษาสายอาชีพให้มีคุณภาพ เพื่อป้อนตลาดแรงงานในยุคปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนเป้าหมายการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ในกิจกรรมการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคและระบบอื่นๆ ที่เน้นการฝึกปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ นำไปสู่การจ้างงานและการสร้างงาน (บิ๊กร็อกที่ 4) หวังช่วยลดปัญหาบริบททางศักยภาพแรงงานไทย
กรรมการปฏิรูปฯ การศึกษา ชี้โจทย์ปี 65 เร่งเพิ่มทักษะ 'ครูอาชีวะ' ย้ำโมเดล 3 ประสาน รัฐ - ภาคการศึกษา - เอกชน

รศ. ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา เปิดเผยว่า หนึ่งในกลไกสำคัญของการผลิตนักเรียน/นักศึกษาอาชีวะ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานในยุคนี้ คือการมีบุคลากรครูที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งทางด้านวิชาการ ควบคู่ไปกับทักษะทางอุตสาหกรรม โดยรายงานของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ปี 2563 ที่ผ่านมาพบว่า มีบุคลากรประเภทข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด จำนวนเพียง 14,693 คน ในขณะที่จำนวนผู้เรียนอาชีวศึกษามีจำนวนสูงถึง 1,481,055 คน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนครูต่อนักเรียนที่ 1:100 จากจำนวนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางด้านอาชีวศึกษา ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของการผลิตแรงงานสายอาชีพเพื่อตอบสนองต่อสถานประกอบการในประเทศ เพราะฉะนั้นการเร่งผลิตครูอาชีวะให้มีคุณภาพนั้นจึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ภายใต้กิจกรรมการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีและระบบอื่นๆ ที่เน้นการฝึกปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ นำไปสู่การจ้างงานและการสร้างงาน หรือ บิ๊กร็อกที่ 4 ที่ต้องเร่งดำเนินการให้เกิดขึ้น

รศ. ดร. ศักรินทร์ กล่าวเสริมว่า การผลิตครูอาชีวะที่มีคุณภาพในยุคปัจจุบันนั้นจะต้องดำเนินการไปพร้อมกันทั้งห่วงโซ่อุปทานอันได้แก่ ภาครัฐ ภาคการศึกษา และ ภาคอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับวงการอาชีวะศึกษา โดยมุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างทักษะใหม่ๆ ให้กับทั้งครูผู้สอนและนักเรียนอาชีวะเพื่อให้สอดรับกับโจทย์ของภาคอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ดังนี้ ภาครัฐ เน้นการสร้างแรงจูงใจ ผ่านสวัสดิการและค่าตอบแทนที่เหมาะสมแก่ครูอาชีวะ ภาคการศึกษา เน้นปรับสมรรถนะความรู้ทางวิชาการและทักษะในอุตสาหกรรมให้ทันกับยุคสมัย และภาคอุตสาหกรรม/สถานประกอบการ ในฐานะผู้ทีมีประสบการณ์ในวิชาชีพและชำนาญเรื่องทักษะในสายงานจะต้องเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพ การอบรม (Training) ให้กับครูผู้สอนและนักศึกษา ซึ่งการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวนี้สร้างประโยชน์ร่วมกันให้กับทุกภาคส่วน ทั้งด้านภาคอุตสาหกรรมที่ได้แรงงานคุณภาพ มีทักษะสูง ภาคการศึกษาได้รับประโยชน์ในเชิงความร่วมมือและการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และภาครัฐแก้ปัญหาการผลิตบัณฑิตที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการ

ปัจจุบันมีความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคอุตสาหกรรม ที่จะช่วยเสริมศักยภาพและแก้ปัญหาบุคลากรไม่พร้อมรองรับทั้งด้านจำนวนและศักยภาพในภาคอุตสาหกรรม ภายใต้โครงการยกระดับภาคอุตสาหกรรมด้วยการบริหารจัดการนวัตกรรมองค์กรแบบทั่วถึง หรือ TIME (Total Innovation Management Enterprise) ซึ่งดำเนินงานโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นโครงการพัฒนากำลังคนทักษะสูงรูปแบบใหม่ เพื่อพัฒนากำลังคนให้มีความรู้เชิงวิชาการควบคู่ไปพร้อมกับทักษะด้านอุตสาหกรรมพัฒนา ตลอดจนสร้างรูปแบบการทำงานอันก่อให้เกิดการถ่ายทอด แลกเปลี่ยน การสร้างและการนำไปใช้ประโยชน์ขององค์ความรู้จนนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

"สำหรับคุณสมบัติครูอาชีวะในยุคปัจจุบันนั้นต้องมีทักษะในเชิงฟาซิลิเทเทอร์ (Facilitator) หรือ ผู้เอื้ออำนวยการเรียนรู้ เพื่อช่วยผลักดันให้เกิดการเรียนรู้ที่สำคัญของนักเรียน ทั้งในแง่ของการให้องค์ความรู้ทางวิชาการแก่นักเรียน และการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่มีสมรรถนะความสามารถสูงจากสถานประกอบการ เพราะฉะนั้นแล้วสถาบันการผลิตครูอาชีวะ ควรที่จะส่งเสริมให้มีการ Up-Skill Re-Skill และ Add-Skill ทักษะของครูอาชีวะให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อพัฒนาทั้งหลักสูตรและความสามารถให้ไปควบคู่กัน นำไปสู่การขยายผลต่อการพัฒนาบัณฑิตอาชีวะให้มีศักยภาพสอดรับกับความต้องการของสถานประกอบการในประเทศ" รศ. ดร. ศักรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรม ของ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ได้ใน 4 ช่องทาง ดังนี้ เว็บไซต์ https://www.thaiedreform2022.org เฟซบุ๊กแฟนเพจ https://web.facebook.com/Thaiedreform2022 ยูทูบช่อง 'thaiedreform2022' และทวิตเตอร์ https://twitter.com/Thaiedreform22

ที่มา: เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๐ คปภ. เปิดตัวคู่มือการทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) และการประกันอัคคีภัย แนะแนวทางการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยอย่างเหมาะสม
๑๖:๒๖ SiteMinder เผย โรงแรมไทยเติบโต ก้าวเป็นผู้นำตลาด หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าประเทศ
๑๗:๕๙ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งให้การต้อนรับ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
๑๖:๐๐ fintips by ttb เผยเคล็ดลับ รถใหม่ป้ายแดงหรือรถมือสอง เลือกแบบไหนให้เหมาะกับเราที่สุด
๑๖:๐๐ มาแล้ว! เปิดตัว Samsung Galaxy S25 ซีรีส์ใหม่ล่าสุด มาพร้อม Galaxy AI ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่ของคนไทย ตอบโจทย์รู้ใจทุกความต้องการเฉพาะคน
๑๖:๐๐ กทม. เดินหน้ากำจัดปลาหมอคางดำ ลดผลกระทบเกษตรกร-แปรรูปสร้างรายได้
๑๖:๐๐ เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนยิ่งใหญ่ Chinese Market 2025 ช้อปสินค้ามงคล เสริมดวงโชคดีมั่งมี
๑๖:๐๐ SNPS ต้อนรับ คณะผู้บริหารและนักวิจัยสภากาชาดไทย
๑๕:๒๔ BEST Supply Chain ยกระดับจัดการคลังสินค้ายุคใหม่ ชู BEST Fulfillment เพิ่มประสิทธิภาพจัดการสินค้า จบครบในที่เดียว
๑๕:๐๐ เด็กซ์ซอนผนึกกำลังภาคีเครือข่าย TCCA ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero