สำหรับในประเทศไทยคาดการณ์อัตราการใช้งานฉนวนใยแก้วปลอดสารฟอร์มาลดีไฮด์ต่ำกว่า 5% อีกทั้งยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งแง่การใช้งาน ความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ MicroWhite มีความแตกต่างจากฉนวนใยแก้วทั่วไป โดดเด่นตรงที่ผลิตจากสารธรรมชาติและไร้สารฟอร์มาลดีไฮด์ ขณะเดียวกันยังคงประสิทธิภาพการใช้งานของฉนวนใยแก้วอย่างครบครัน ทั้งการป้องกันความร้อน และการดูดซับเสียงได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญปลอดภัยต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการทดลองและการันตีด้วยการรับรองมาตรฐานระดับโลก
ด้านเทรนด์สินค้ารักษ์โลกเริ่มมีความต้องการมากขึ้น ในขณะที่ปัจจุบันตลาดของฉนวนใยแก้วในเมืองไทย ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านความปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัท จึงเร่งสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ พร้อมเน้นการสร้างแบรนด์ การสร้างดีมานด์ รวมถึงเพิ่มประสบการณ์ที่แตกต่างให้แก่ลูกค้าตั้งแต่สถาปนิก ผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง และผู้อยู่อาศัยในประเทศไทย เชื่อมั่นมีการขยายตัวของยอดคำสั่งซื้อภายใน 2 ปี
"เราเน้นเจาะกลุ่ม Niche Market สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้แก่ลูกค้า ด้วยสุนทรียภาพแห่งการใช้ชีวิต ที่ตอบโจทย์สุขภาพของทุกคนในครอบครัว ที่สำคัญจำหน่ายในราคาที่คนไทยจับต้องได้ หวังสนับสนุนผลิตภัณฑ์รักษ์โลกให้ขยายตลาดได้มากขึ้น" นางสาวศิรินทรา กล่าว
โดยที่ผ่านมาเริ่มทำตลาดแบบ B2B กับกลุ่มพาทเนอร์แล้ว ในขณะที่กลุ่ม B2C เจาะกลุ่มผู้อยู่อาศัย เริ่มสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ตั้งเป้า MicroWhite มียอดขาย 50 - 70 ล้านบาท ใน 2 ปีข้างหน้า พร้อมเดินหน้าพัฒนารูปแบบและช่องทางการสื่อสาร ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามได้สะดวกมากขึ้น คาดในอนาคตจะมีสินค้ารักษ์โลกใหม่ๆ ปล่อยสู่ตลาดต่อเนื่อง" นายศิริพงค์ กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว MicroWhite หรือฉนวนใยขาวสูตรใหม่ ปลอดสารฟอร์มาลดีไฮด์คุณสมบัติเทคโนโลยียุคใหม่ บนรูปลักษณ์ของความปลอดภัยทั้งต่อผู้อยู่อาศัย และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ โดยใช้สารยึดติดเส้นใยจากวัสดุชีวภาพหรือ Bio-based จากน้ำตาลฟรุคโตส ซึ่งเป็นสูตรที่ปราศจากการใช้สารฟอร์มาลดีไฮด์ในกระบวนการผลิต (Formaldehyde-free) ผ่านการรับรองและตรวจวัดค่าการระเหยของสารฟอร์มาลดีไฮด์จากห้องปฏิบัติการวิจัยระดับโลก (Intertek) อย่างเป็นทางการอีกด้วย
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของไมโครไฟเบอร์อุตสาหกรรม ยังคงเป็นฉนวนใยแก้วกันความร้อน ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าผู้ประกอบการต่างๆนำไปใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอาคารต่างๆ ซึ่งมีการใช้อย่างแพร่หลาย และเป็นกลุ่มสินค้าที่มีผู้เล่นในตลาดน้อยราย ทำให้การแข่งขันในตลาดไม่รุนแรง แต่ปัจจุบันความต้องการใช้ของลูกค้าต่างๆมีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้บริษัทมีการพัฒนาประสิทธิภาพของฉนวนใยแก้วกันความร้อนให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ประกอบกับกระแสของการรักษ์สิ่งแวดล้อมทำให้บริษัทมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ฉนวนใยแก้วกันความร้อนใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท
ที่มา: ไมโครไฟเบอร์ อุตสาหกรรม