CGS มองสัปดาห์นี้ปัจจัยหลักได้แก่ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แนะนำ TOP

จันทร์ ๑๗ มกราคม ๒๐๒๒ ๑๓:๔๒
CGS มองสัปดาห์นี้ปัจจัยหลักได้แก่ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แนะนำ TOP
CGS มองสัปดาห์นี้ปัจจัยหลักได้แก่ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แนะนำ TOP

ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เผยวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐรายงานยอดค้าปลีกประจำเดือน ธ.ค. ที่ -1.9%MoM ต่ำกว่าตลาดคาดว่าจะทรงตัว ซึ่งน่าจะทำให้ตลาดผ่อนคลายกับประเด็นเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามกลับพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปี ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องพร้อมกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่ Bloomberg Consensus ยังให้โอกาสสูงราว 96% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ทั้งนี้แม้เรื่องของดอกเบี้ยจะเป็นตัวกดดันเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนแต่ก็เชื่อว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้งในปีนี้ไปพอสมควรแล้ว ด้านในประเทศสัปดาห์นี้จะเริ่มเข้าสู่การประกาศผลประกอบการ 4Q21 คาดกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดจะรายงานในสัปดาห์นี้ (เพิ่มเติม KTC) ซึ่งในสัปดาห์ก่อน TISCO รายงานกำไรสุทธิดีกว่าตลาดคาด 8% ใส้ในได้แรงหนุนจาก (1) ค่าธรรมเนียมที่ขยายตัวโดยเฉพาะจากธุรกิจนายหน้าประกันภาย (2) สำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง 48%YoY ดังนั้นแนวโน้มกำไรกลุ่มธนาคารที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ก็น่าจะสดใสคล้ายกับ TISCO โดยเราประเมินกำไรกลุ่ม Bank 4Q21 ภายใต้ที่ Coverage (BBL KBANK SCB TTB) 2.4 หมื่นล้านบาท (+12%YoY -9%QoQ) สาเหตุของการลดลง QoQ เป็นผลจาก ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามฤดูกาลแต่ขณะเดียวกันผลประกอบการ 4Q21 จะเป็นจุดต่ำสุดหนุนจากสินเชื่อที่จะเติบโตจากนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมที่จะดีขึ้น และค่าใช้จ่ายสำรองที่จะลดลงหลังจากได้ตั้งสูงไปก่อนหน้านี้ Top pick ได้แก่ BBL KBANK ส่วนปัจจัยอื่นๆในสัปดาห์นี้ได้แก่ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศประจำเดือน ธ.ค. ในวันศุกร์ Bloomberg คาดมูลค่าส่งออกและนำเข้าขยายตัว +16%YoY +20%YoY หากออกมาสูงกว่าคาดก็น่าจะทำให้บรรยากาศการลงทุนเป็นบวกมากยิ่งขึ้น ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนระยะกลางสะสมได้เช่นเดิมแต่เน้นหุ้นที่ Laggard อาทิ (BEM BJC CPALL M MAJOR MINT SHR) ส่วนระยะสั้นเน้นหุ้นโภคภัณฑ์ อาทิ น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันยืนระดับสูงและค่าการกลั่นที่อยู่ระดับสูงเช่นกัน ประเมินกรอบ SET INDEX ทั้งสัปดาห์ 1660 - 1690

TOP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 67 บาท) คาดกำไรปกติจะโตต่อเนื่องในปี 2022 หลังฟื้นตัวขึ้นมาจากผลขาดทุนในปี 2020 และมีผลประกอบการแข็งแกร่งในปี 2021 หนุนจาก 1) ค่าการกลั่นที่ดีขึ้น 2) ผลประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีที่มั่นคง และ 3) การรับรู้รายได้จากโครงการ CAP

DIF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 16.5 บาท) เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" กองทุนฯ จะได้รับรายได้ที่มั่นคงจากกลุ่ม TRUE ผู้เป็นเจ้าของสินทรัพย์และผู้เช่าหลักของกองทุนฯ ผ่านสัญญาเช่าระยะยาว ซึ่งจะหนุนให้มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงไปอีกอย่างน้อย 10 ปี ขณะที่สัญญาระยะยาวมาพร้อมกับต้นทุนในการเลิกใช้บริการ (switching cost) ระดับสูงช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ทั้งยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อีกด้วย

ที่มา: บางกอก ออทัม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ