"ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนได้รับความสนใจและการตอบรับดีจากผู้ลงทุนมาจากสภาวะตลาดที่ยังคงมีหลายปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในยุโรป แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งทำให้ยากต่อการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง การกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลายจึงเป็นแนวทางที่นักลงทุนให้ความสนใจมากขึ้น โดยกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหลัก BGF Global Multi-Asset Income Fund มีจุดเด่นเรื่องกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายอย่างครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งรวมถึงตราสารทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก และมีการจัดสัดส่วนการลงทุนแบบยืดหยุ่น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ โดยยังคงความสำคัญกับการลดความเสี่ยงขาลงในช่วงตลาดผันผวน จึงนับเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและคาดหวังรายได้ระหว่างการลงทุน" นายยุทธพลกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อผู้ลงทุนที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี บลจ.เกียรตินาคินภัทร ได้ขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee) และค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนเข้า (Switching in Fee) ของ KKP INCOME-H FUND ทั้ง 2 ชนิดหน่วยลงทุนถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนที่พลาดการจองซื้อกองทุนในช่วง IPO และนักลงทุนที่มีความสนใจกองทุน ได้ร่วมลงทุนด้วยต้นทุนที่ลดลง
นอกจากนี้ บลจ.เกียรตินาคินภัทร ได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม หรือ SSF ของกองทุนนี้เพิ่มเติมด้วย (KKP INCOME-H-SSF) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศในหลากหลายสินทรัพย์ พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเปิดเสนอขายวันแรกพร้อมกับการเปิดขาย KKP INCOME-H FUND อีกครั้ง ในวันที่ 20 มกราคม 2565
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 305 9559 หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทรทุกสาขา หรือ https://am.kkpfg.com หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง
คำเตือน:
- การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของกองทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนที่เปิดเผยไว้ในแหล่งต่างๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผู้ลงทุนต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องระยะยาวตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องและประมวลรัษฎากรกำหนด ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและวิธีการกำหนดไว้ในกฎหมายภาษีอากร โดยผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุนและจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด มิฉะนั้นจะต้องชำระเงินเพิ่มและหรือเบี้ยปรับตามประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ผู้ลงทุนพึงได้รับจะสิ้นสุดลงเมื่อผู้ลงทุนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน
- เนื่องจากกองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องของประเทศที่กองทุนไปลงทุนด้วย
- กองทุนจะทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเกือบทั้งหมด โดยไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ กองทุนจึงอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในส่วนที่ไม่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงไว้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ นอกจากนี้ การทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวอาจมีต้นทุน ซึ่งทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
- กองทุนอาจลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.เกียรตินาคินภัทร ได้ตามอัตราส่วนที่กำหนด โดย บลจ.เกียรตินาคินภัทร จะจัดระบบงานที่ป้องกันธุรกรรมที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์อันอาจเกิดจากนโยบายการลงทุนที่เปิดให้มีการลงทุนในกองทุนรวมภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทจัดการเดียวกัน
- โปรดศึกษาคำเตือนที่สำคัญอื่นได้ในหนังสือชี้ชวนส่วนข้อมูลกองทุนรวม
ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร