ฟิทช์คงอันดับเครดิต บมจ. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ ที่ BBB+(tha) แนวโน้มเครดิตเป็นลบ

พุธ ๑๙ มกราคม ๒๐๒๒ ๑๖:๕๘
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ที่ 'BBB+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของบริษัทฯ ที่ 'F2(tha)' และคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวสำหรับหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกันของบริษัทฯที่ 'BBB+(tha)'

จากการที่บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ FPT ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BAFS ได้ลงนามในสัญญาให้สิทธิการบริหารระบบท่อส่งน้ำมัน (ช่วงกรุงเทพ-บางปะอิน) เป็นระยะเวลา 20 ปีแก่บริษัทย่อยของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้การจัดหาแหล่งเงินทุนของ FPT สำหรับค่าใช้จ่ายลงทุนในช่วง 18-24 เดือนข้างหน้า มีความชัดเจนมากขึ้น โดย FPT จะใช้เงินที่ได้รับจากสัญญาให้สิทธิการบริหารดังกล่าวเป็นแหล่งเงินทุนโดยไม่ต้องมีการก่อหนี้เพิ่ม

แม้ว่าอัตราการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินของ BAFS อาจจะช้าลงเล็กน้อยจากที่คาดไว้เดิม เนื่องจากการสูญเสียกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในส่วนของระบบท่อขนส่งน้ำมันที่ได้ให้สิทธิการบริหารไป แต่ในขณะเดียวกัน FPT ก็จะไม่มีความเสี่ยงในด้านปริมาณน้ำมันที่จะขนส่งผ่านท่อในส่วนที่อยู่ภายใต้สัญญาให้สิทธิการบริหาร

ฟิทช์ยังคงแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ BAFS อาจจะไม่สามารถลดอัตราส่วนหนี้สินที่วัดจากหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในเงินทุนหมุนเวียน (FFO net leverage) ให้ลงมาอยู่ในระดับประมาณ 6 เท่าหรือต่ำกว่าภายในสิ้นปี 2566 ได้ตามที่ฟิทช์ประมาณการ เนื่องจากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศทั่วโลก เนื่องจากการอุบัติขึ้นของเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์โอไมครอน

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อัตราส่วนหนี้สินที่คาดว่าจะลดลงจากระดับสูง: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สิน FFO net leverage ของ BAFS จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ ประมาณ 35 เท่า ณ สิ้นปี 2564 (ปี 2563 อยู่ที่ 23 เท่า) ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ในระดับ 10-11 เท่าในปี 2565 และประมาณ 6 เท่าในปี 2566 ซึ่งอัตราการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าว ช้ากว่าที่ประมาณการไว้เดิมเล็กน้อย เนื่องจากการสูญเสียกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในส่วนของระบบท่อขนส่งน้ำมันที่ได้ให้สิทธิการบริหารไป อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการลดลงของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานดังกล่าวที่มีต่ออัตราส่วนหนี้สิน ก็ได้รับการบรรเทาลงบางส่วนจากการชำระคืนหนี้เงินกู้โครงการของ FPT จำนวน 500 ล้านบาท ในช่วงต้นปี 2565 โดยใช้เงินที่ได้รับจากสัญญาการให้สิทธิการบริหารดังกล่าว นอกจากนี้ เงินส่วนที่เหลือที่ได้รับจากสัญญาการให้สิทธิการบริหารดังกล่าว ยังสามารถใช้สำหรับค่าใช้จ่ายลงทุนสำหรับโครงการเชื่อมระบบท่อขนส่งน้ำมันของ FPT ได้เต็มจำนวนโดยไม่ต้องก่อหนี้เพิ่ม

ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ BAFS จะเริ่มลดลงในปี 2565 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของธุรกิจการบิน หลังจากที่ประเทศไทยได้เปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนในปัจจุบัน จะทำให้มีการใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แต่ข้อจำกัดในการเดินทางโดยรวมในปัจจุบันก็มีความผ่อนคลายมากขึ้นกว่าในช่วงปี 2563-2564 ในขณะเดียวกัน บริษัทย่อยในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่เพิ่งเข้าลงทุน ก็น่าจะทำให้ BAFS มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอเพิ่มเข้ามา แม้ว่าจะอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่ใช้ไป

ความเสี่ยงในธุรกิจท่อขนส่งน้ำมันที่ลดลง: FPT จะไม่มีความเสี่ยงในด้านปริมาณน้ำมันที่จะขนส่งผ่านท่อในส่วนที่อยู่ภายใต้สัญญาให้สิทธิการบริหารอีกใน 20 ปีข้างหน้า ในขณะเดียวกัน เงินที่ได้รับจากสัญญาให้สิทธิการบริหารจำนวน 1.6 พันล้านบาท จะเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการก่อสร้างโครงการเชื่อมระบบท่อขนส่งน้ำมันที่ถูกเลื่อนมา โครงการเชื่อมระบบท่อขนส่งน้ำมันจะทำให้ธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อของ FPT มีความแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากจะทำให้ FPT สามารถรับปริมาณน้ำมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะจากคลังน้ำมันบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกของประเทศไทยและช่วยลดระยะเวลาการถึงจุดคุ้มทุนของระบบท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือของประเทศไทยของ FPT ด้วย

กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ FPT ในปี 2022-2023 น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากระบบท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือต้องใช้เวลาในการเพิ่มปริมาณน้ำมันที่จะขนส่งจนสามารถที่จะชดเชยกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สูญเสียไปจากสัญญาให้สิทธิการบริหาร อย่างไรก็ตาม โครงการเชื่อมระบบท่อขนส่งน้ำมันน่าจะทำให้ปริมาณขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากการก่อสร้างที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในสิ้นปี 2566 หรือ ต้นปี 2567

การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะสั้น: ฟิทช์คาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS จะฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 55 ของระดับก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในปี 2565 และร้อยละ 85 ในปี 2566 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่ประเทศไทยได้เปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 และอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งนี้ ฟิทช์ไม่คาดว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากระดับความแตกต่างของอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศที่มีเศรษฐกิจพัฒนาแล้วและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ยังคงมีอยู่ รวมถึงความเป็นไปได้ของการระบาดระลอกใหม่ของโควิด 19 อย่างไรก็ตาม ประมาณการของฟิทช์ อยู่บนสมมติฐานว่าข้อจำกัดการเดินทางต่างๆ ที่อาจถูกนำมาบังคับใช้อีกครั้ง จะเป็นลักษณะเฉพาะพื้นที่ หรือในช่วงเวลาสั้น และมีความเข้มงวดน้อยกว่ามาตรการที่ใช้ในปี 2563

ความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาน้ำมันที่จำกัด: BAFS ไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน เนื่องจาก BAFS จะเรียกเก็บเฉพาะค่าบริการเติมน้ำมันจากบริษัทน้ำมันเท่านั้น (โดยบริษัทน้ำมันเป็นผู้ขายน้ำมันให้แก่สายการบิน) นอกจากนี้ ต้นทุนหลักของ BAFS เป็นค่าสัมปทานซึ่งเป็นอัตราที่ตกลงกันก่อนตามสัญญา ทำให้อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรของ BAFS ค่อนข้างคงที่ นอกจากนี้ BAFS ยังเผชิญกับการแข่งขันในธุรกิจที่จำกัด เนื่องจากอยู่ในธุรกิจที่ต้องได้รับสัมปทาน

รายได้ที่สม่ำเสมอจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน: แม้ว่าแนวโน้มในอนาคตของธุรกิจการบินจะอ่อนแอลงจากก่อนเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่การที่ BAFS ได้ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจพลังงานหมุนเวียน น่าจะช่วยสนับสนุนสถานะทางธุรกิจของ BAFS ในช่วง 3-4 ปีข้างหน้าให้ยังคงแข็งแกร่ง จากกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับระดับของความเสี่ยงจากแหล่งพลังงาน โดยโครงการพลังงานหมุนเวียนได้รับประโยชน์จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่มีอายุเฉลี่ย 20-25 ปีกับคู่สัญญาที่มีความแข็งแกร่ง ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัทชั้นนำในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าสำหรับโครงการในประเทศญี่ปุ่น

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
ลักษณะของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ BAFS มีความคล้ายคลึงกับบริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด (มหาชน) หรือ NNEG (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ A-(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่มีรายได้ร้อยละ 70-80 มาจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (BBB+/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ดังนั้น ทั้งสองบริษัทจึงมีความเสี่ยงในด้านการแข่งขันที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดของ BAFS ได้รับผลกระทบชั่วคราวจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ในขณะที่ธุรกิจของ NNEG ได้รับผลกระทบที่น้อยกว่ามาก BAFS มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่าและมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีกว่า NNEG ซึ่งมีการกระจุกตัวของทรัพย์สินในทำเลที่ตั้งเดียวและดำเนินธุรกิจเพียงอย่างเดียว อัตราส่วนหนี้สินของ BAFS ที่เคยอยู่ในระดับต่ำกว่า NNEG ได้เพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าระดับอัตราส่วนหนี้สินของ NNEG เป็นอย่างมาก เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส อัตราส่วนหนี้สินของ BAFS น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราส่วนหนี้สินของ NNEG ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากการลงทุนที่อยู่ในระดับสูงของ BAFS ในปี 2564 ดังนั้น BAFS จึงมีอันดับเครดิตต่ำกว่า NNEG หนึ่งอันดับเนื่องจากสถานะทางการเงินที่อ่อนแอกว่าเป็นอย่างมาก

ลักษณะของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ BAFS มีความคล้ายคลึงกับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC (A+(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ/ สถานะเครดิตโดยลำพังที่ a-(tha)) เช่นเดียวกันกับ NNEG GPSC มีรายได้ที่สม่ำเสมอและสามารถคาดการณ์ได้ จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว อย่างไรก็ตาม GPSC มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่า BAFS เนื่องจากการกระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์และรายได้ที่ดีกว่า อัตราส่วนหนี้สินของ GPSC ในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่า BAFS แต่น่าจะเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายลงทุนที่อยู่ในระดับสูงของ GPSC ดังนั้น BAFS จึงมีอันดับเครดิตต่ำกว่าสถานะเครดิตโดยลำพังของ GPSC หนึ่งอันดับ

เช่นเดียวกับ BAFS บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF (BBB-(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าขนาดกลางภายใต้แนวความคิดศูนย์การค้าชุมชนในประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเป็นอย่างมาก ธุรกิจของ SF ถือว่ามีรายได้ที่สามารถคาดการณ์ได้อยู่ในระดับสูงเนื่องจากมีสัญญาเช่าระยะปานกลางถึงยาวกับผู้เช่ารองรับ แต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้ SF ต้องให้ส่วนลดค่าเช่าจำนวนมากแก่ผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบ SF มีขนาดธุรกิจที่เล็กกว่า BAFS และเผชิญกับการแข่งขันที่สูงกว่า อัตราส่วนหนี้สินของทั้งสองบริษัทน่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้น BAFS จึงมีอันดับเครดิตที่สูงกว่า SF สองอันดับเนื่องจากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมาก

สมมุติฐานที่สำคัญ
สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

  • ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 55 ของระดับก่อนการเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในปี 2565 และร้อยละ 85 ในปี 2566 (2564 อยู่ที่ร้อยละ26.7)
  • รายได้ของ FPT เติบโตประมาณร้อยละ 8 ในปี 2564 โดยมีปริมาณน้ำมันที่ขนส่งผ่านท่อในระดับใกล้เคียงกับปี 2563 ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดดำเนินการของท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือของประเทศไทยระยะที่ 2 ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564; โดยปริมาณขนส่งน้ำมันภาคพื้นดินที่เพิ่มขึ้นช่วยชดเชยปริมาณขนส่งน้ำมันอากาศยานที่ลดลงร้อยละ 28-29; รายได้ของ FPT ลดลงร้อยละ 50-52 ในปี 2565 เนื่องจากการเข้าทำสัญญาให้สิทธิการบริหารระบบท่อขนส่งน้ำมันในช่วงกรุงเทพฯ ถึงบางปะอิน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 34-35 ในปี 2566
  • อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA Margin) ลดลงมาอยู่ในระดับร้อยละ 14-15 ในปี 2564 (ปี 2563 อยู่ที่ ร้อยละ 17.4) และเพิ่มกลับขึ้นมาอยู่ในระดับร้อยละ 40 ในปี 2565 และร้อยละ 53-55 ในปี 2566 ตามการฟื้นตัวของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน
  • ค่าใช้จ่ายลงทุนจำนวนประมาณ 1.1 พันล้านบาทในปี 2564 จำนวนประมาณ 800 ล้านในปี 2565 และจำนวน 950 ล้านบาทถึง 1 พันล้านบาท ในปี 2566 ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายลงทุนในโครงการเชื่อมระบบท่อขนส่งน้ำมัน
  • BAFS ไม่มีการจ่ายเงินปันผลในปี 2565 และการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเล็กน้อยในปี 2566

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก:
-แนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับกลับมาเป็นมีเสถียรภาพได้ หากอัตราส่วนหนี้สินที่วัดจากหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในเงินทุนหมุนเวียน (FFO net leverage) ลดลงมาอยู่ในระดับประมาณ 6.0 เท่าได้ภายในปี 2566

ปัจจัยลบ:
-อัตราส่วนหนี้สินที่วัดจากหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในเงินทุนหมุนเวียน (FFO net leverage) ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 6.0 เท่าหลังจากปี 2566

สภาพคล่อง
สภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอ: BAFS มีหนี้สินทั้งหมดจำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 โดยหนี้สินจำนวนประมาณ 1.5 พันล้านบาทจะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ้นเดือนกันยายน 2564 หนี้สินจำนวนประมาณ 320 ล้านบาทได้รับการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ออกไปเป็นปี 2566 ในขณะที่เงินกู้ระยะสั้นจำนวน 700 ล้านบาทน่าจะสามารถต่ออายุออกไปหากมีความจำเป็น จากการเข้าทำสัญญาให้สิทธิการบริหารระบบท่อขนส่งน้ำมัน ณ สิ้นปี 2564 ทำให้ BAFS ได้รับเงินจำนวน 1.6 พันล้านบาท ซึ่งทำให้มีสภาพคล่องในระดับสูง BAFS ได้ตกลงที่จะชำระเงินกู้ระยะยาวจำนวน 500 ล้านบาทในปี 2566

นอกจากนี้ สภาพคล่องของ BAFS ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดเงินสดคงเหลือและเงินลงทุนระยะสั้นที่มีสภาพคล่องเทียบเท่าเงินสด (ตามคำจำกัดความของฟิทช์) จำนวน 1.1 พันล้านบาท และวงเงินสินเชื่อแบบผูกพันไว้แล้วที่ยังไม่ได้เบิกถอน (Undrawn Committed Facility) จำนวน 500 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564

ลักษณะธุรกิจ
BAFS เป็นผู้ให้บริการคลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน และเครือข่ายท่อจ่ายน้ำมันอากาศยาน และเป็นผู้ให้บริการหลักในการเติมน้ำมันอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 2 แห่ง BAFS มีบริษัทย่อยที่ BAFS ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70 ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ จากคลังน้ำมันบางจากไปยังท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่งและเป็นเจ้าของระบบท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือระบบแรกของประเทศไทย นอกจากนี้ BAFS ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีกำลังผลิตรวม 36 เมกะวัตต์ในประเทศไทยและ 13 เมกะวัตต์ในประเทศญี่ปุ่น

ที่มา: ฟิทช์ เรทติ้งส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ