สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค สวทช. ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือผ่านระบบประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมขับเคลื่อนการพัฒนางานนิติวิทยาศาสตร์ร่วมกัน ทั้งในด้านการพัฒนาความรู้ทางวิชาการ งานด้านฐานข้อมูลด้านอัตลักษณ์บุคคลและการตรวจเปรียบเทียบ รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถด้านการพิสูจน์หลักฐานเพื่อสร้างความยุติธรรมในการวินิจฉัยคดี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงองค์กรทางด้านดิจิทัล (Digital transformation)
โดย พันตำรวจเอก ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ เนคเทค สวทช. ได้ร่วมดำเนินการวิจัยด้านนิติวิทยาศาสตร์ อาทิ การวิเคราะห์อัตลักษณ์ของหมึกปากกา การจัดทำระบบวิเคราะห์เชื่อมโยงข้อมูลความมั่นคง รวมถึงการพัฒนาวิธีตรวจหาสารระเบิดปริมาณน้อยที่อาจตรวจพบได้จากผู้ต้องสงสัยหรือวัตถุที่สัมผัส ซึ่งพบว่าเทคนิคที่ทาง เนคเทค สวทช. พัฒนาขึ้น สามารถตรวจวัดสารระเบิดได้ โดยในอนาคตจะมีการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยร่วมกันในการตรวจสอบความใช้ได้ของวิธี (Method validation) ตามแนวทางมาตรฐานสากล รวมถึงการทดสอบเปรียบเทียบกับวิธีที่มีใช้ในงานตรวจพิสูจน์เพื่อศึกษาขอบเขตของการนำไปใช้กับตัวอย่างในคดี สถาบันนิติวิทยาศาสตร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการนี้ จะส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนางานด้านนิติวิทยาศาสตร์ในด้านต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
ด้าน ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า เนคเทค สวทช. ได้นำองค์ความรู้ ผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยีการวิเคราะห์เชื่อมโยงฐานข้อมูลสู่ Data platform
ด้านอัตลักษณ์บุคคล เทคโนโลยีรู้จำวัตถุ (Object Recognition) นำร่องการรู้จำรอยสัก เพื่อประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือติดตามบุคคลสูญหาย เทคโนโลยีชิปขยายสัญญาณรามาน (NECTEC SERS Chips) เพื่อใช้ตรวจวิเคราะห์อัตลักษณ์สารเสพติดและสารระเบิด และเทคโนโลยี ลูนาร์ (LUNAR) ระบบสร้างแผนที่ 3 มิติ แบบ Real-time ภายในอาคารด้วยเทคโนโลยี LiDAR + Ultra-wideband (UWB) เพื่อประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือตรวจสถานที่เกิดเหตุ ในรูปแบบของ Digital Twin สำหรับงานนิติวิทยาศาสตร์ เป็นต้น มาร่วมสนับสนุนงานด้านอัตลักษณ์บุคคลและนิติวิทยาศาสตร์ของสถาบันฯ อีกทั้งต่อยอดผลงานวิจัยเดิมที่ได้ร่วมดำเนินงานกันมาก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการพิสูจน์หลักฐาน และการเตรียมความพร้อมสู่แพลตฟอร์มข้อมูลด้านอัตลักษณ์บุคคล สำหรับสนับสนุนการวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของสถาบันฯ รวมทั้งร่วมกันสร้างเครือข่ายข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรมองค์กร และนวัตกรรมการบริการ จากการเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ ในระยะต่อไป
ทีมเนคเทค สวทช. มีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการพิสูจน์หลักฐานและสร้างความยุติธรรมในการวินิจฉัยคดีให้กับประเทศ และเชื่อมั่นว่าในอนาคตเราจะมีแพลตฟอร์มข้อมูลด้านอัตลักษณ์บุคคลและการตรวจเปรียบเทียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ปฏิบัติงานของสถาบันฯ และเครือข่าย
ทั้งนี้ ภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ผู้บริหารสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ ผู้บริหาร เนคเทค สวทช. ทีมนักวิจัย และผู้เกี่ยวข้องของทั้งสองหน่วยงาน ได้ถ่ายภาพที่ระลึกร่วมกัน และหารือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมด้านนิติวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นที่ดีสำหรับการดำเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงองค์กรทางด้านดิจิทัล (Digital transformation) ด้านนิติวิทยาศาสตร์ ต่อไป
ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ