STARK สยายปีกสู่ธุรกิจ EV ชูกลยุทธ์สายไฟสำหรับ EV - เน้นสินค้า High Margin ตั้งเป้ารายได้ปี65 ทะยานแตะ 3 หมื่นลบ.ดันผลงานออลไทม์ไฮต่อเนื่อง "เครดิต สวิสฯ" เชียร์ซื้อ อัพราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.8 บาท

จันทร์ ๒๔ มกราคม ๒๐๒๒ ๐๙:๔๕
บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ( STARK) ติดปีกบินรับปีขาล สยายปีกรุกเข้าสู่ธุรกิจ EV ตั้งเป้ารายได้พุ่งแตะ 27,500-30,000 ล้านบาท เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ผลงานทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง ด้านซีอีโอ "ประกรณ์ เมฆจำเริญ" ระบุชูกลยุทธ์สายไฟที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า กับสถานีชาร์ต ทั้งรูปแบบในบ้าน อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้าต่างๆ พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม เน้นสินค้ามาร์จิ้นสูง พร้อมลุยตลาดส่งออกกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เดินหน้าออกสินค้าใหม่อีกเพียบ กอด Backlog กว่าหมื่นล้านบาท หนุนอนาคตก้าวกระโดด บล.เครดิต สวิสฯ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.8 บาท แนะนำ "ซื้อ" ชี้อนาคตสดใส
STARK สยายปีกสู่ธุรกิจ EV ชูกลยุทธ์สายไฟสำหรับ EV - เน้นสินค้า High Margin ตั้งเป้ารายได้ปี65 ทะยานแตะ 3 หมื่นลบ.ดันผลงานออลไทม์ไฮต่อเนื่อง เครดิต สวิสฯ เชียร์ซื้อ อัพราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.8 บาท

นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 27,500 - 30,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนการขยายฐานรายได้เข้าสู่ธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง และจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงชุดสายไฟตามเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน โดยต้องมีสายไฟเป็นตัวเชื่อมระหว่าง EV และอื่นๆ อาทิเช่น Charging station ในสถานีบริการน้ำมัน , Charging box ในบ้าน , อาคาร , สำนักงาน หรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อรองรับขนาดกำลังไฟฟ้า และปริมาณการใช้ไฟที่มากขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีแผนการเพิ่มกำลังการผลิตสายไฟสินค้าทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม เพื่อรองรับปริมาณความต้องการใช้ EV ที่เพิ่มขึ้นและเตรียมขยายตลาดสายไฟ High Voltage เพื่อมุ่งเน้นสินค้า High-Margin และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสายไฟสำหรับกลุ่ม B2C (Business to Customer) ในประเทศเวียดนามร่วมด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายตลาดส่งออกเพิ่มเป็น 50 ประเทศทั่วโลก จากเดิมที่ส่งออกอยู่ 42 ประเทศ เนื่องจากมี Partner ที่เป็นระดับ Global company ที่ได้รับงานในประเทศต่างๆ นั้น จึงส่งผลทำให้สามารถส่งสินค้าไปหลากหลายประเทศได้เพิ่มขึ้นด้วย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่าบริษัทฯ วางแผนการผลิต และจำหน่ายสินค้าใหม่ในกลุ่ม High-Margin อาทิเช่น สายไฟ Submarine Cable หรือ เคเบิลใต้น้ำ , สายไฟ HVDC Cable หรือ ระบบสายส่งกระแสตรงแรงดันสูงใช้สำหรับในการส่งกำลังไฟฟ้าด้วยไฟฟ้ากระแสตรงทำให้สามารถเชื่อมระบบไฟฟ้ากระแสสลับต่างระบบที่มีความถี่ต่างกันได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องทำการซิงโครไนซ์ และ Transmission line หรือสายส่งหรือสายนำสัญญาณ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีสินค้าชนิดอื่นที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาสินค้าเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจำหน่ายต่อไป เช่น เทปพันสายไฟสำหรับ สายไฟ High Voltage และ PD Conduit อีกด้วย

"บริษัทฯ เดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจ EV เนื่องจากเล็งเห็นว่าเทรนด์ดังกล่าวกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก และเชื่อมั่นว่าในอนาคตพลังงานสะอาดจะเป็นสิ่งตอบโจทย์ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนได้อย่างดี ประกอบกับในปี 2565 จะมุ่งเน้นในสินค้า High-Margin เช่น High - Extra , High Voltage และ Transmission line ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าแห่งชาติของเวียดนาม ฉบับที่ 8 (PDP8) ของประเทศไทยและเวียดนาม ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มากกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่อง และจากปัจจัยทั้งหมดที่ได้กล่าวมาเชื่อมั่นว่าจะสนับสนุนผลงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และสามารถทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ต่อเนื่อง" นายประกรณ์ กล่าวในที่สุด

บริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK แนะนำ OUTPERFORM โดยระบุว่าเป็นหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด คงคำแนะนำ "ซื้อ" และเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 6.80 บาทต่อหุ้น จากเดิม 6.5 บาทต่อหุ้น ภายหลังที่ STARK ได้เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 เป็นที่น่าประทับใจ จึงได้เพิ่มคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในปี 2564-2566 อยู่ที่ 29% ,12% และ 7% ตามลำดับ

บทวิเคราะห์ระบุว่า STARK มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว ในโครงที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนาม และการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น มีโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่ง หลังจากรายรับในไตรมาส 3/64 เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของไตรมาส 2/64 และเพิ่มขึ้น 3 เท่าของไตรมาส 1/64 และส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง (high-margin) ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ส่วนผลการดำเนินงานในประเทศไทยในไตรมาส 3/64 ก็มีรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 81% เมื่อเทียบจากไตรมาส 2/64

ที่มา: ไออาร์ เน็ตเวิร์ค

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๕๕ FTI รับ 2 รางวัล จากกระทรวงแรงงานและกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประจำปี 2567
๑๔:๕๕ OKMD ร่วมกับ CMDF จัดประกวดประยุกต์ใช้ความรู้ด้านการเงินการลงทุน หนุนไอเดียเด็กมัธยม ต่อยอดทำธุรกิจเพื่อสังคม
๑๔:๓๐ แอลจีเผยเทรนด์ทำงานปี 2025 พร้อมเทคนิคใช้โน๊ตบุ๊กแบบสมาร์ทเวิร์กเกอร์
๑๔:๓๓ ทีเอ็มบีธนชาต สำรองธนบัตร 13,000 ล้านบาท ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
๑๔:๒๒ เจียไต๋แมน เมื่อรุ่นเดอะผนึกกำลังกับรุ่นใหม่ เติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง
๑๔:๒๙ สุขภาพดีแบบไม่ต้องเดี๋ยว! รพ.วิมุต ชวนตรวจสุขภาพ - ปรับพฤติกรรมสไตล์คนไม่มีเวลาสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาวรับปีใหม่
๑๔:๕๐ HBA ส่องภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 68 เผชิญความท้าทายใหม่ เร่งงัดกลยุทธ์ฝ่าแข่งขันสูง รุกเจาะตลาดใหม่ 'รอจังหวะฟื้น'
๑๔:๕๒ ดิเอมเมอรัลด์ช่วยสนับสนุนงานกาชาด
๑๔:๓๑ เอพี ไทยแลนด์ รับ 3 รางวัลจาก Meta ตอกย้ำจุดยืน แบรนด์อสังหาฯ ที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์และดาต้า
๑๔:๓๕ มาคาเลียส แหล่งรวม อี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย เผย 10 เทรนด์ท่องเที่ยวไทยปี