ทั้งนี้ คุณภราไดย สืบมา ประธาน IEAD ได้เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอันมากต่อการให้การสนับสนุนและความเชื่อมั่นต่อบริษัทฯ ของรัฐบาล สปป.ลาว ในการที่จะได้พัฒนาโครงการที่มีความสำคัญนี้ต่อไป ด้วยที่ตั้งอันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ทรัพยากรลมที่มีศักยภาพ และการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากรัฐบาล สปป.ลาว บริษัทฯ มีความมั่นใจว่า "โครงการเซกองวินด์ฟาร์ม" จะสามารถดำเนินการโครงการได้อย่างรวดเร็วในการผลิตพลังงานสะอาดให้แก่อาเซียนได้
โครงการเซกองวินด์ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ จังหวัดเซกอง สปป.ลาว ในบริเวณเดียวกันกับโครงการมอนซูนวินด์ฟาร์มซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาก่อสร้างหลังจากเซนตสัญญาขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนามเรียบร้อยแล้ว โครงการเซกองวินด์ฟาร์มขนาดพื้นที่ประมาณ 506,250 ไร่ ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลค่าลมมาตลอด10 ปีที่ผ่านมา คาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2567
สำหรับโครงการเซกองวินด์ฟาร์ม และโครงการมอนซูนวินด์ฟาร์ม จะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 1,600 เมกะวัตต์ และเป็นโครงการที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 90 ล้านตันตลอดอายุโครงการ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมบทบาทสำคัญของ สปป.ลาว ที่กำหนดวิสัยทัศน์หลักในการพัฒนาประเทศให้ไปสู่การเป็น "แบตเตอรี่แห่งเอเชีย" ด้วย
"เราทราบเป็นอย่างดีว่าพลังงานลมเป็นอีกหนึ่งทรัพยากรที่สำคัญของ สปป.ลาว และโครงการนี้จะแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ และความเป็นเลิศทางด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจกของ สปป.ลาว เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งกับ สปป.ลาว ในการต่อสู้กับสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก และยังคงมุ่งมั่นที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นโดยรอบโครงการเพื่อความยั่งยืนสืบไป" คุณภราไดยกล่าวเพิ่มเติม
ที่มา: บีซีพีจี