ฟิทช์คงอันดับเครดิต บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย ที่ 'A+(tha)' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

อังคาร ๒๕ มกราคม ๒๐๒๒ ๐๙:๑๒
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ที่ 'A+(tha)' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัทฯ ที่ 'A+(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ 'F1(tha)'

การคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวและแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพของ SCC สะท้อนถึงสถานะทางเครดิตที่แข็งแกร่งของ SCC ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แม้ว่าบริษัทฯ จะมีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ซึ่งน่าจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO net leverage) ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.8 เท่า ในปี 2565 ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 3.5 เท่าในปี 2566 หลังจากที่โครงการปิโตรเคมีที่ประเทศเวียดนาม (Long Son Petrochemicals: LSP) เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

EBITDA ที่แข็งแกร่ง - ฟิทช์คาดว่า กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ SCC จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 7-8.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2564-2566 ปี (2563: 6.3 หมื่นล้านบาท) จาก ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบ (spreads) ในธุรกิจเคมิคอลส์ที่อยู่ในระดับสูง ในปี 2564 ฟิทช์เชื่อว่าอัตราการเติบโตจากการลงทุนขยายธุรกิจแพคเกจจิ้งและการฟื้นตัวของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง รวมถึงการเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ของโครงการ LSP ในปี 2566 จะเป็นปัจจัยสนับสนุน EBITDA ของ SCC ในปี 2565-2566 ซึ่งจะช่วยชดเชย EBITDA ของธุรกิจเคมิคอลส์ที่อาจจะลดลงตามการลดลงของ spreads เนื่องจากกำลังการผลิตในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น

ค่าใช้จ่ายลงทุนที่เพิ่มขึ้น - ฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายลงทุนของ SCC จะอยู่ที่ระดับประมาณ 2.1 แสนล้านบาท ในช่วงปี 2564-2566 ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สิน FFO net leverage ของ SCC เพิ่มขึ้นสูงกว่า 3.5 เท่า ชั่วคราวในปี 2565 ซึ่งระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดที่ยังสอดคล้องกับอันดับเครดิต 'A+(tha)' ของบริษัทฯ (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 อยู่ที่ระดับ 2.9 เท่า) ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.2 เท่าในปี 2566 โดยการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินน่าจะได้รับการสนับสนุนจาก กระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO) ที่แข็งแกร่งประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2564-2566 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการ LSP ในเวียดนาม

การฟื้นตัวของซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง: ฟิทช์คาดว่ารายได้และ EBITDA ของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างของ SCC จะฟื้นตัวในปี 2565 หลังจากการลดลงในปี 2564 ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาและต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้นอย่างมาก การฟื้นตัวของธุรกิจเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของความต้องการใช้ซีเมนต์ในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเริ่มผ่อนคลาย และรัฐบาลหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น ประกอบกับต้นทุนถ่านหินที่คาดว่าจะลดลง นอกจากนี้ SCC น่าจะได้รับประโยชน์จากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องไปยังการให้บริการแบบครบวงจรในลักษณะโซลูชั่น และการค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน ในขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของรายได้จากสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (high-value-added หรือ HVA) และมาตรการลดต้นทุนก็มีส่วนช่วยให้กระแสเงินสดของธุรกิจปรับตัวดีขึ้น

การกระจายความเสี่ยงที่ดีขึ้น - ฟิทช์คาดว่ารายได้จากธุรกิจนอกประเทศไทย ทั้งในส่วนของฐานการผลิตในต่างประเทศและการส่งออก จะสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อโครงการ LSP เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2566 LSP เป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกและมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะรองรับการเติบโตของความต้องการโพลิเมอร์ภายในประเทศซึ่งในปัจจุบันยังคงพึ่งพาจากการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ SCC มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ทั่วโลกนอกเหนือจากประเทศในกลุ่มอาเซียนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 16 ของรายได้รวมในปี 2563 ฟิทช์คาดว่าการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ นอกเวียดนามจะเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนการส่งออกไปเวียดนามในปัจจุบันที่จะถูกแทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศเวียดนามเองเมื่อโครงการ LSP เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์

สถานะความเป็นผู้นำตลาด - SCC มีสถานะเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจหลักของบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มสินค้าปูนซีเมนต์ กระเบื้องเซรามิก ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลาย (โพลีโอเลฟินส์และพีวีซี) และกระดาษบรรจุภัณฑ์ ในประเทศไทยและหลายประเทศในอาเซียน สถานะผู้นำตลาดในแต่ละผลิตภัณฑ์และประโยชน์ที่ได้รับจากการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงเฉพาะที่อาจเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
SCC มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่าบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC, 'A(tha)'/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งอยู่ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเช่นเดียวกัน โดย SCC มีส่วนแบ่งทางการตลาดของปูนซีเมนต์ในประเทศที่สูงกว่า รวมถึงมีการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์และการกระจายความเสี่ยงของกระแสเงินสดจากหลากหลายธุรกิจกว่า อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งทางสถานะทางธุรกิจที่สูงกว่า ได้ถูกลดทอนจากอัตราส่วนหนี้สินของ SCC ที่สูงกว่า SCCC ทำให้ SCC มีอันดับเครดิตที่สูงกว่า SCCC เพียงหนึ่งอันดับ

เมื่อเปรียบเทียบกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC, อันดับเครดิต 'AA+(tha)' แนวโน้มเครดิตเป็นลบ, อันดับเครดิตโดยลำพัง 'aa-(tha)') ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมันครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย SCC มีการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจอื่นที่หลากหลายกว่า ซึ่งทำให้ SCC มีความเสี่ยงต่อความผันผวนของธุรกิจเคมิคอลส์น้อยกว่า PTTGC มีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำกว่า จึงมีสถานะเครดิตโดยลำพังที่สูงกว่าอันดับเครดิตชอง SCC หนึ่งอันดับ อย่างไรก็ตาม PTTGC มีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจากการเข้าซื้อกิจการโดยใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม แนวโน้มเครดิตเป็นลบของ PTTGC สะท้อนถึงความเสี่ยงที่มีต่อความสามารถในการลดอัตราส่วนหนี้สินของ PTTGC

สมมุติฐานที่สำคัญ
สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

  • รายได้เติบโตในอัตราร้อยละ 33 ต่อปีในปี 2564 (ปี 2563 อัตราการเติบโตเป็นลบร้อยละ 8.7 และเก้าเดือนแรกของปี 2564 อัตราการเติบโตร้อยละ 28) เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจเคมิคอลส์และธุรกิจแพคเกจจิ้ง รวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้าง; รายได้เติบโตในอัตราร้อยละ 5-10 ต่อปี ในปี 2565-2566 จากการฟื้นตัวของความต้องการซื้อในหลายผลิตภัณฑ์และการขยายกำลังการผลิต
  • อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้ (EBITDA Margin) ลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 15 ในปี 2564 (ปี 2563 ร้อยละ 15.8 และเก้าเดือนแรกของปี 2564 ร้อยละ 15.5) และร้อยละ 13-14 ในปี 2565-2566 จากประมาณการ spreads ในธุรกิจเคมิคอลส์ที่ลดลง
  • ค่าใช้จ่ายลงทุน ประมาณ 2.1 แสนล้านบาท ในช่วงปี 2564-2566
  • อัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout) ที่ระดับร้อยละ 40-50 ในปี 2564-2566

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:

  • ฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิต เว้นแต่จะมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการขยายธุรกิจเคมิคอลส์ในต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น การเปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบของโครงการ LSP ในประเทศเวียดนาม
    ปัจจัยลบ:
  • FFO net leverage อยู่ในระดับสูงกว่า 3.5 เท่า อย่างต่อเนื่อง

สภาพคล่อง
สภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ที่ดี: SCC มีหนี้สินที่ครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้านับถึงสิ้นเดือนกันยายน 2565 จำนวน 9.2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท เงินกู้ระยะยาวที่ครบกำหนดชำระประมาณ 4 พันล้านบาท และหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท สภาพคล่องของ SCC ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดและเงินลงทุนที่มีสภาพคล่องเทียบเท่าเงินสด (ตามการปรับปรุงตัวเลขโดยฟิทช์) จำนวนประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานประมาณ 6.0 หมื่นล้านบาทต่อปี และความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านตลาดตราสารหนี้ในประเทศ รวมถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

ฟิทช์คาดว่าสภาพคล่องของ SCC ในช่วงสองปีข้างหน้ายังต้องพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากภายนอก เนื่องจากแผนค่าใช้จ่ายลงทุนที่สูง อย่างไรก็ตาม SCC ได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้จากสถาบันการเงินสำหรับโครงการลงทุนหลักแล้ว โดย SCC มีวงเงินสินเชื่อระยะยาวจากสถาบันการเงิน ที่คงเหลือใช้ได้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 จำนวน 9.0 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นวงเงินกู้สำหรับโครงการ LSP จำนวน 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 8.6 หมื่นล้านบาท)

ข้อมูลบริษัท
SCC เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มี EBITDA อยู่ที่ระดับ 7.6 หมื่นล้านบาทในช่วง 12 เดือนล่าสุดนับจนถึงสิ้นเดือนเดือนกันยายน 2564 SCC มีการกระจายความเสี่ยงในสามธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง โดย SCC มีกำลังการผลิตและส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในหลายประเทศในอาเซียน

ที่มา: ฟิทช์ เรทติ้งส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ