ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด ( มหาชน) หรือ SFLEX ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตแบบ Organic growth จากธุรกิจหลักอยู่ที่ประมาณ 1,760 - 1,800 ล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์การขยายตลาดไปยังผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณท์ทางการแพทย์ (medical) ให้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับการมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตสูงในอนาคต รวมทั้งจากการที่มีการรวมศูนย์การผลิต โดยย้ายโรงงานแพรกษามารวมกันที่บางเพรียงและเพิ่มขนาดกำลังผลิตร่วมด้วย จะส่งผลทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
"บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์เดิมที่มุ่งเน้นการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยม เน้นงานกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูง โดยตั้งเป้าปรับสัดส่วนรายได้บรรจุภัณฑ์อาหาร (FOOD) เป็น 25% เดิม 21% และบรรจุภัณฑ์ไม่ใช่อาหาร (Non Food) เหลือ 75% จากเดิม 79% เพื่อสร้างความยั่งยืนของอัตรากำไรขั้นต้นให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่จะเข้ามารองรับบรรจุภัณฑ์อาหารและอุปกรณ์การแพทย์ คาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะเสร็จภายในช่วงต้นปีนี้ โดยจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาเป็น 265 ล้านเมตรต่อปี จากปัจจุบันกำลังผลิตอยู่ที่ 180 ล้านเมตรต่อปี ซึ่งบริษัทมีการลงทุนเครื่องจักรใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งมีแผนการย้ายเครื่องจักร และเครื่องเป่าฟิล์ม (Blown Film) ที่ผลิตอยู่ที่โรงงานแห่งที่ 2 มารวมอยู่ที่โรงงานแห่งใหม่ และหลังจากเดินกำลังผลิตเต็มที่จะส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด และทำให้บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างดีอีกด้วย ทั้งนี้ เป้าหมายการเติบโตในปีนี้ยังไม่นับรวมรายได้จากการเติบโตแบบ Non-Organic growth" ดร.สมโภชน์กล่าว
ดร.สมชาย วงศ์รัศมี ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน SFLEX กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้จากการขาย Flexible Packaging ไม่น้อยกว่า 1,560 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างสถิติสูงสุดใหม่จากปีก่อน และเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่ม Food เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องสม่ำเสมอ ขณะเดียวกันกลุ่มที่เป็น Non-food ก็มีการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องเช่นกัน ทำให้มีคำสั่งซื้อ และจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับในปี 2564 บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) เพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อที่ต่อเนื่องจากแผนการขยายฐานลูกค้าและขยายฐานรายได้ ส่วนราคาวัตถุดิบที่มีความผันและแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นปี ทำให้บริษัทฯต้องเร่งปรับนโยบายการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายที่จะจัดหาวัตถุดิบที่มีต้นทุนคงที่ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันจะลดต้นทุนส่วนอื่น เพื่อเข้ามาชดเชยให้ราคาสินค้ามีเสถียรภาพมากขึ้น
ที่มา: ไออาร์ เน็ตเวิร์ค