ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของวาระการเติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมาย เฮงเค็ล ตั้งเป้าที่จะเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยการเร่งความพยายามในด้านนวัตกรรม ความยั่งยืน และการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล
แอนเดรียนโต้ จายาเปอร์นา ประธาน บริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย กล่าวว่า "กรอบกลยุทธ์ของเฮงเค็ลเพื่อการเติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมายและวัฒนธรรมองค์กรของเรา ทำให้พวกเรามีความสามัคคี ในขณะเดียวกันก็ให้ทิศทางที่ชัดเจนสำหรับการทำงานประจำวันของเราและการนำทางผ่านวิกฤตต่างๆ"
สปิริตของทีมที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของพนักงานทั่วโลก รวมถึงพอร์ตโฟลิโอของผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สมดุล มีความสำคัญต่อการเริ่มต้นปีงบประมาณ 2564 ของบริษัท
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยอดขายกลุ่มของเฮงเค็ลทั่วโลกอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านยูโร คิดเป็นอัตราเติบโตของยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ อยู่ที่ 11.3 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทั้งปี เฮงเค็ล คาดว่าอัตราเติบโตของยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ อยู่ที่ 6-8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งขับเคลื่อนโดยธุรกิจเทคโนโลยีกาว โดยคาดว่าจะเติบโตประมาณ 10-12 เปอร์เซ็นต์ และธุรกิจบิวตี้แคร์ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2-4 เปอร์เซ็นต์
"ในประเทศไทย พนักงานของเราได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น ความมุ่งมั่น และจิตวิญญาณแห่งชัยชนะ ซึ่งช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง" นายจายาเปอร์นา กล่าว ทั้งนี้ เฮงเค็ล ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าลงทุนในแบรนด์และเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถคว้าโอกาสที่สอดคล้องกับ เทรนด์ในตลาดโลก
สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีกาว เฮงเค็ล ประเทศไทย ทำงานร่วมกับลูกค้าในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโครงการนวัตกรรมและความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนแนวโน้มอุตสาหกรรมของการเคลื่อนที่ การเชื่อมต่อ ความยั่งยืน และการขยายตัวของเมือง นายจายาเปอร์นา อธิบายว่า "เรามุ่งเน้นที่การส่งมอบโซลูชันที่มีผลกระทบสูงและครอบคลุมทั้งห่วงโซ่มูลค่าให้กับลูกค้ากาวของเรา ด้วยการยกระดับไปสู่การผลิตที่มีมูลค่าสูงในประเทศไทย จึงมีความสนใจอย่างมากในโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงและยั่งยืน เช่น บรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับอาหาร การจัดการความร้อน การปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ และการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น"
ตัวอย่างเช่น เฮงเค็ล ประเทศไทย มองเห็นความสนใจและความต้องการกาวที่ปลอดภัยสำหรับอาหารเป็นอย่างมาก ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการสัมผัสอาหารทั่วโลก อีกทั้งมุ่งเน้นเรื่องการออกแบบยานยนต์น้ำหนักเบาและพลังงานทดแทนมากขึ้น บริษัทฯ ทำงานร่วมกับ OEM ยานยนต์ ซัพพลายเออร์ และพันธมิตรทางธุรกิจในโซลูชันสำหรับการแสดงผลยานยนต์ที่มีน้ำหนักเบา ระบบเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้า และจอแสดงผลอัจฉริยะ เราทำงานร่วมกับคู่ค้าในอุตสาหกรรมโลหะด้านการพัฒนาโซลูชันอย่างยั่งยืนเพื่อลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการพัฒนาเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารไร้สาย 5G รุ่นต่อไป เฮงเค็ลมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ให้กับบริษัทโทรคมนาคมและดาต้าคอมชั้นนำทั่วโลก ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในโซลูชันเครือข่ายสำหรับบ้านและเมืองอัจฉริยะ
สำหรับธุรกิจบิวตี้แคร์ ภายใต้พันธกิจระดับโลก "Together for true beauty and a more beautiful world" "ร่วมกันเพื่อความงามที่แท้จริงและโลกที่สวยงามยิ่งขึ้น" เฮงเค็ลประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะเติบโตในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม สี และจัดแต่งทรงด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมความงามที่ช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกได้ถึงความสวยงามและมั่นใจ
บริษัทมองเห็นศักยภาพที่ดีในหมวดหมู่สีผม สำหรับสีผมแฟชั่นเป็นที่นิยมในบรรดาหมู่วัยรุ่น การให้บริการทำสีผมยังเป็นที่นิยมชื่นชอบในหมู่ผู้หญิงและผู้ชายที่เพิ่งเริ่มทำงาน เทรนด์อื่นๆ เช่น ความใส่ใจในความสวยของเส้นผมแบบองค์รวม ความต้องการในผลิตภัณฑ์ความงามจากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่เพิ่มสูงขึ้น
นายจายาเปอร์นา กล่าวเสริมว่า "ในธุรกิจช่างทำผมมืออาชีพ เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือพันธมิตรร้านทำผมของเราให้ฟื้นตัวผ่านพ้นและแข็งแกร่งขึ้นจากวิกฤต โดยการนำเสนอโซลูชันที่ให้ผลลัพธ์เส้นผมที่มีคุณภาพและให้การศึกษาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเทคนิคการทำผมล่าสุดและทักษะการจัดการธุรกิจ"
เมื่อลูกค้าและผู้บริโภคผันไปใช้ช่องทางออนไลน์ในช่วงล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เฮงเค็ล ยังได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับการมีส่วนร่วมทางดิจิทัลกับลูกค้า ช่องทางจำหน่ายของคู่ค้า และผู้บริโภค บนแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันแบบเสมือนจริง เช่น อีคอมเมิร์ซ และโซเชียลมีเดียต่างๆ สิ่งเหล่านี้นำไปสู่ยอดขายดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งธุรกิจเทคโนโลยีกาวและบิวตี้แคร์ของบริษัท นายจายาเปอร์นา กล่าว
เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น คล่องตัว และความพร้อมขององค์กรในอนาคตให้มากขึ้น เฮงเค็ลได้ใช้ความคิดริเริ่มหลากหลายเพื่อเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น ความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำสนับสนุนให้พนักงานยอมรับจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกและทำหน้าที่เป็นผู้ประกอบการ ในขณะเดียวกัน กรอบงาน "Smart Work" ได้ให้แนวทางแบบองค์รวมเพื่อการจัดการทำงานที่ยืดหยุ่น ซึ่งครอบคลุมไม่เพียงแต่การทำงานนอกสถานที่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงบทบาทของสำนักงาน สุขภาพของพนักงาน และการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล เพื่อเตรียมการให้เข้าถึงแพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางดิจิทัลของบริษัทตลอด 24 ชั่วโมง ส่งเสริมให้พนักงานให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และการพัฒนาเป็นสำคัญ
ที่มา: 124 คอมมิวนิเคชันส คอนซัลติ้ง