นิสสัน SHIFT_ ยกเครื่ององค์กร ก้าวสู่อนาคต ปรับภาพลักษณ์สู่องค์กรที่ทันสมัย

จันทร์ ๒๒ พฤษภาคม ๒๐๐๖ ๑๔:๒๙
กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--สยามนิสสัน ออโตโมบิล
นิสสัน ประเทศไทย เปิดตัวนิยามใหม่ “ นิสสัน SHIFT_” ปรับกลยุทธ์มุ่งเปลี่ยนแปลงสู่องค์กรที่ทันสมัย เอาใจใส่ผู้บริโภค พร้อมเปิดตัว นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) และ เทียน่าใหม่ บอสใหญ่ลั่น! พร้อมเปิดตัวรถยนต์อีก 7 รุ่น ให้ครบ 10 รุ่น ภายในปี 2551 นี้ ตามนโยบายที่เคยประกาศไว้ พร้อมยกเครื่องไลน์การผลิตรถยนต์นิสสันในไทยใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตเตรียมรับยอดขาย 1.3 แสนคันต่อปี รวมทั้งว่าให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ เครื่องยนต์ และอะไหล่รถยนต์เพื่อการส่งออก ตั้งเป้าการผลิต 2 แสนคัน ต่อปี
มร.โคซาคุ โฮโซคาวา ประธานบริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัดเปิดเผยว่า นิสสัน ประเทศไทย กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ภายใต้แนวความคิด SHIFT_ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้นำแนวคิดมาจาก นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้มีการนำไปปฏิบัติและประสบผลสำเร็จมาแล้วกับนิสสันทั่วโลก สำหรับการเปลี่ยนแปลงแบบ SHIFT_ ของนิสสันนั้น จะเน้นการปรับเปลี่ยนในทุกส่วนให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงาน การปรับภาพลักษณ์องค์กร ภาพลักษณ์และคุณภาพของสินค้า แนวคิดการออกแบบรถยนต์ กระบวนการคิด ทัศนคติของพนักงานและตัวแทนจำหน่าย และการสื่อสารกับลูกค้า
“SHIFT_ หรือการเปลี่ยนแปลง เป็นเพียงคำสั้นๆ ที่สามารถบอกเล่าสิ่งที่นิสสันต้องการจะสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น และแรงบันดาลใจในการก้าวสู่อนาคตของเราได้ทั้งหมด เรามุ่งมั่นจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง และทำให้ทุกสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนั้นดีที่สุด และคุณจะสามารถพบได้ที่นิสสันเท่านั้น หากจะถามผมว่า SHIFT_ คืออะไร ผมคงต้องขออธิบายก่อนว่า สำหรับเราแล้ว SHIFT_ไม่ใช่เพียงสโลแกนเท่ๆ ที่ไว้พูดกันเฉยๆ แต่ SHIFT_คือแก่นของทุกสิ่งที่เราทำ ทุกอย่างที่เราสื่อสารออกไป และเป็นวิธีการในการสร้างมูลค่าให้กับสินค้า และบริการของเรา การคิดแบบ SHIFT_ ทำให้เรามองสิ่งรอบข้างต่างไปจากเดิม เปลี่ยนแบบแผนการปฏิบัติของเรา ซึ่งมากกว่าปรัชญา ไคเซ็น ของญี่ปุ่นที่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เพราะสิ่งที่เราทำมันมากกว่านั้น เราสร้างสรรค์ เลือกสรร อย่างมีเป้าหมาย และทำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวดเร็วที่สุด และดีที่สุด นอกจากนั้น SHIFT_ ยังเพิ่มคุณค่า และความเป็นไปได้ของการเชื่อมโยงคุณค่า 2 อย่างไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ และประโยชน์ในการใช้งานสูงสุด คุณภาพที่ดีเยี่ยม และราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ การใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และสมรรถนะการใช้งาน การวางแผนที่รอบคอบ และการดำเนินงานที่กล้าจะแตกต่าง ซึ่งทุกสิ่งปรากฏขึ้นแล้วในนิสสัน” มร.โฮโซคาวา กล่าว
ประธานบริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัดกล่าวต่อไปว่า SHIFT_ มีเป้าหมายเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า โดยยึดถือความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้รถยนต์นิสสันทุกคัน สามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงใจมากที่สุด ทั้งในเรื่องคุณภาพ การออกแบบ การให้บริการ และบริการหลังการขายของโชว์รูม และศูนย์บริการ ฯลฯ ซึ่งภายหลังจากการ SHIFT_ ลูกค้านิสสัน รวมทั้งผู้จำหน่ายจะสามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของ นิสสันในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการจากฝ่ายต่างๆ ที่มีมาตรฐานชัดเจน เป็นระบบสามารถรองรับความต้องการที่แตกต่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการให้บริการที่ครบวงจร (One Stop Service) โชว์รูมและศูนย์บริการมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก พนักงานมีการบริการที่ดีดูแลเอาใจใส่ในทุกความต้องการของลูกค้า มีการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการบริหารงาน และการให้บริการเพื่อความแม่นยำ ฉับไว มีระบบติดตาม และตรวจสอบการให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ หรือการออกแบบรถยนต์รุ่นต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการและการใช้งานของลูกค้าได้อย่างตรงใจ เป็นต้น
ทั้งนี้ SHIFT_ ได้เข้ามามีบทบาทในประเทศไทย อยู่ภายใต้คอนเซ็ปท์ SHIFT_challenge และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยน และพัฒนาเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย โชว์รูม และศูนย์บริการรูปแบบใหม่ที่มีมาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้การเข้ามาลงทุนตั้ง บริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่งของ SHIFT_ challenge ในด้านการบริการทางการเงินที่ สะดวก รวดเร็ว และมีรูปแบบที่ทันสมัยที่สุดในวงการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในประเทศไทยในปัจจุบัน โดย นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ได้นำระบบที่เรียกว่า IS Application หรือการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้ ซึ่งระบบนี้จะสามารถช่วยย่นระยะเวลาในการขออนุมัติสินเชื่อให้สั้นลงได้ภายในระยะเวลา 4 ชั่วโมงเท่านั้น
สำหรับ SHIFT_ ในด้านของผลิตภัณฑ์ ที่ผ่านมานิสสันได้เปิดตัวรถยนต์ที่มีการออกแบบมาจากแนวคิดใหม่มาแล้วถึง 3 รุ่น 3 รูปแบบที่แตกต่างกัน ประกอบไปด้วยรถยนต์นั่งขนาดกลางที่มีความหรูหรา อย่างนิสสันเทียน่า สุดยอดรถเอส ยู วี (SUV) อย่าง นิสสัน เอ็กซ์เทรล (X-Trail) ซึ่งรถทั้ง 2 รุ่นนี้ และรถครอสโอเวอร์สุดหรูอย่าง นิสสัน มูราโน่ (Murano) เพื่อเป็นการตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า และที่สำคัญรถยนต์ 2 ใน 3 คันที่ออกใหม่ของนิสสัน คือนิสสันเทียน่า และนิสสันเอ็กซ์เทรลนั้น ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยได้รับรางวัลให้เป็นรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2006 ในรุ่นรถยนต์นั่งขนาดกลางที่มีเครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,400 ซีซี. และในรุ่นรถ SUV ที่มีความประหยัดคุ้มค่าที่สุด มาครองได้เป็นผลสำเร็จ
และในการ SHIFT_ ในวันนี้ บริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัว นิสสันเทียน่ารูปโฉมใหม่ ทั้งในรุ่น 2.3 ลิตร และ 2.0 ลิตร เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้รถยนต์นิสสันที่มีรูปลักษณ์และคุณภาพที่ดีที่สุด ซึ่งนิสสันเทียน่าใหม่นี้ บริษัทฯได้ปรับปรุงรูปลักษณ์ใหม่และนำเอาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆมาใส่ไว้ในหหลายจุด อาทิ ระบบกุญแจอัจฉริยะ Intelligent Key ระบบ Memory Seat และอื่นๆอีกมากมาย
โดยเฉพาะนิสสันเทียน่ารุ่น 2.0 ลิตร คือรุ่นที่ตอบสนองผู้ที่ต้องการครอบครองนิสสันเทียน่า และตอบคำถามในยุคน้ำมันแพงได้อย่างดีที่สุด เพราะรถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2,000 ซีซี. ที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และมีราคาที่เหมาะสม เป็นทางลือกของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ประธานบริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด ยังได้กล่าวถึงเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพในการผลิตด้วยว่า นิสสันได้วางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตของโรงงานให้ได้ 200,000 คัน ในปี พ.ศ.2551 เพื่อรองรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในอนาคตที่ได้วางแผนไว้ 10 รุ่นภายในปี 2551 ซึ่งปัจจุบันนิสสันได้นำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดมาแล้วจำนวน 3 รุ่น ภายในอีก 2 ปีข้างหน้าคาดว่าจะสามารถออกรถยนต์รุ่นใหม่สำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอีกเป็นจำนวน 7 รุ่น รวมถึงการรองรับเป้าหมายการเติบโตของยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าตัว หรือ 130,000 คัน ภายในปี 2551 เช่นเดียวกัน นอกจากนี้นิสสันยังได้ปรับปรุงไลน์การผลิตรถยนต์นิสสันใหม่ ให้มีกำลังผลิตที่สูงขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก ทั้งรถกระบะ และรถยนต์ประเภทอื่นๆ ซึ่งในปี พ.ศ.2551 คาดว่าบริษัทฯจะสามารถส่งออกได้เป็นจำนวน 70,000 คัน รวมทั้งจะใช้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตเครื่องยนต์ และอะไหล่รถยนต์ต่างๆ เพื่อส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน (ASEAN) และภูมิภาคอื่นๆ โดยจะสามารถเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
นอกจากจะเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของผู้จำหน่ายรถยนต์นิสสัน และการบริหารงานโชว์รูม และศูนย์บริการให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับโชว์รูมนิสสันทั่วโลกแล้ว ภายในสิ้นปี พ.ศ.2551 ได้วางเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนโชว์รูม และศูนย์บริการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อรองรับเป้าหมายการเพิ่มยอดขาย โดยจะขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานระดับสากลนี้ให้ได้ครบ 201 แห่ง ภายในปีนี้ ซึ่งในจำนวนนี้ 83 แห่งจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๑๗:๑๖ กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๑๗:๕๕ Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๑๗:๔๗ โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๑๗:๑๒ ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๑๗:๐๐ กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๑๖:๐๐ WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๑๖:๐๔ เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๑๖:๔๗ ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๑๖:๐๒ NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ