"คุณพีรภพ" เล่าให้ฟัง ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ในปีพ.ศ. 2522 ขณะนั้นบ้านเรานำเข้ายารักษาโรคจากต่างประเทศเป็นส่วน ใหญ่ทำให้ราคายาค่อนข้างสูง เราอยากมียาที่ผลิตภายในประเทศเพื่อให้ต้นทุนยาถูกลง ราคาจับต้องได้ จึงเกิดการร่วมทุนกันระหว่างคุณตุ้น หาญไกรพงศ์ คุณหมอพินิจ สุคนธมาน และนักลงทุนชาวญี่ปุ่น เกิดเป็น 'บริษัท เคนยากุ (ประเทศไทย) จำกัด' โดยนำเอานวัตกรรมการผลิตยาที่ล้ำสมัยจากประเทศญี่ปุ่นมาใช้ เป้าหมายคือให้คนไทยเข้าถึงยาสำคัญใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้"
ด้วยการเป็นผู้บุกเบิกตลาดยาก่อนใคร และมี Know How ด้านนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัยอย่างนวัตกรรมการผลิต เคลือบเม็ดยาถึง 7 ชั้น ได้เป็นจุดขายมาจะถึงปัจจุบัน ทำให้ เคนยากุ ได้รับการตอบรับอย่างดีและกลายเป็นเบอร์ ต้นๆ ของธุรกิจ OEM ยา จนเมื่อปีพ.ศ. 2550 มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริษัทครั้งสำคัญโดยนักลงทุนญี่ปุ่นได้ถอนหุ้นและมีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาแทน แต่การเปลี่ยนแปลงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิต ความรู้ หรือนวัตกรรมต่างๆ ในทางกลับกันธุรกิจOEM ยาของเคนยากุได้เติบโตอย่างเข้มแข็ง และขณะนั้นเป็นยุคบุกเบิกของ ตลาดอาหารเสริม เคนยากุเองมองเห็นโอกาสในตลาดนี้ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จึงเริ่มขยายธุรกิจไปสู่การทำ OEM อาหารเสริม
"เรามองเห็นตลาดใหม่ของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จึงรุกตลาดอาหารเสริมเต็มตัว เริ่มต่อยอดความเชี่ยวชาญในเรื่องการผลิตยามาสู่ธุรกิจนี้ "เราจัดตั้งทีม R&D ขึ้นมาใหม่เพื่อทำการวิจัยและค้นคว้าหาวัตถุดิบที่ดีที่สุด รวมถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อใช้ในการผลิตอาหารเสริม เราเป็นเจ้าแรก ๆ ในการนำสารสกัดโสมที่ใช้นวัตกรรมการสกัดสาร Ginsenoside ที่มีสัดส่วนสมดุลและมีประสิทธิภาพมากที่สุดจากประเทศเยอรมันนีมาใช้เป็นส่วนผสม และเป็นผู้บุกเบิกการทำสูตรตำรับ ผสมอาหารเสริมหลาย ๆ ชนิดรวมเป็นเม็ดเดียว รวมถึงการคิดนวัตกรรมอาหารเสริมสูตรใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุมอยู่ตลอด ซึ่งปัจจุบันเคนยากุได้วิจัยและพัฒนาสูตรอาหารเสริมขึ้นใหม่ๆ มากกว่า 50 สูตรตำรับต่อปี นอกจากข้อได้เปรียบเรื่องความเชี่ยวชาญด้านการผลิต การมีคอนเน็กชั่นในการนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพต่าง ๆ แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เคนยากุได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าจนเติบโตและแข็งแกร่งในตลาดอาหารเสริมมาตลอดคือ มาตรฐานโรงงานอาหารเสริมที่เทียบเท่าโรงงานยาแผนปัจจุบัน โดยลงทุนกว่าร้อยล้านบาท คัดสรรเครื่องจักรที่ได้คุณภาพและทัดเทียมระดับโลก ดังนั้นในด้านการผลิตเราจึงสร้างมาตรฐานโรงงานอาหารเสริมเทียบเท่าโรงงานยาแผนปัจจุบัน นำเอามาตรฐานต่าง ๆ มาปรับใช้ ทั้ง มาตรฐาน GMP, HALAL , ISO 9001 ,HACCP และ GMP PIC/S (Pharmaceutical Inspection Co- operation Scheme) ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตยาที่ดีที่ใช้เป็นกฎหมายในทวีปยุโรป ซึ่งถือว่าเกินมาตรฐานที่ประเทศไทยตั้งไว้ ทำให้เราเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานระดับต้น ๆ ของประเทศ"
ปัจจุบัน เคนยากุ แบ่งสัดส่วนการผลิตเป็น ยา 60% อาหารเสริม 40% รวมถึงมีการส่งออกทั้งยาและอาหารเสริมไปยังประเทศกลุ่ม CLMV ฮ่องกง และประเทศญี่ปุ่น
เคนยากุ มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ด้วยธุรกิจ OEM ยาและอาหารเสริมไม่เหมือนเมื่อก่อน ในยุคแรกแบรนด์หรือผู้ประกอบการอยากได้ผลิตภัณฑ์แบบใดสินค้าแบบไหนแค่บอก เราผลิตให้เป็นอันจบ แต่ปัจจุบันบริบททุก ๆ อย่างได้เปลี่ยนไป แค่เป็นผู้ผลิตไม่เพียงพอ เราต้องซับพอร์ตลูกค้าในมิติต่าง ๆ เช่น การ Educate ตลาด การให้ความรู้หรือ
คำแนะนำในด้านวิชาการ ด้านการตลาด เพื่อให้ลูกค้าสามารถดูแลแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตัวเองเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้เราสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ในการดำเนินธุรกิจภายใต้จรรยาบรรณที่ว่า ผลิตสินค้าคุณภาพ มีวิจัยรับรอง และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยทีมวิจัยและเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งทั้งหมดนี้ลูกค้าแต่ละคนจะได้สูตรอาหารเสริมที่ไม่ซ้ำกันอย่างแน่นอน"
เคนยากุในวันนี้จึงไม่ใช่แค่บริษัท OEM รับผลิตยาและอาหารเสริมเท่านั้น แต่ยังเป็นองค์กรผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาและอาหารเสริมที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชั้นนำในประเทศไทย ล่าสุดได้ปักหมุดเป้าหมายใหม่ใหญ่มากขึ้น คือการนำองค์กรมุ่งหน้าสู่การเป็น WELLNESS HUB ศูนย์การเรียนรู้ วิจัย และพัฒนาสมุนไพรไทยพร้อมศูนย์ดูแลสุภาพแบบครบวงจรชั้นนำของไทย
ที่มา: เคนยากุ (ประเทศไทย)